มหายานปฏิเสธพระอภิธรรมดั้งเดิมหรือไม่?

แบ่งปันในสังคมออนไลน์

มหายานปฏิเสธพระอภิธรรมดั้งเดิมหรือไม่?



ในสมัยโบราณ มหายานในอินเดียไม่ได้ถือเป็นนิกายอิสระ แต่เป็นแนวปฏิบัติหนึ่งในพระพุทธศาสนา ซึ่งเกิดขึ้นจากกลุ่มภิกษุหลากหลายนิกายที่ดำเนินตามเส้นทางโพธิสัตวมรรค โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการบรรลุพระนิพพานผ่านการตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ภิกษุในแต่ละนิกายยังคงศึกษาพระไตรปิฎกตามสายอุปสมบทของตน ซึ่งรวมถึงพระอภิธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมา ในบทความนี้จะกล่าวถึงพระอภิธรรมในลักษณะดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มหายานมีการศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของ “มหายานสูตร” และยังมีอภิธรรมและคัมภีร์ศาสตร์ต่าง ๆ ที่ใช้ร่วมกันภายในมหายาน ซึ่งเรียกว่า “อภิธรรมมหายาน” โดยคัมภีร์เหล่านี้มีพื้นฐานมาจากพระอภิธรรมดั้งเดิมของหลายนิกาย

(ศาสตร์ หรือ ศาสตระ คือคัมภีร์ประเภทอภิธรรม รวมถึงคัมภีร์อรรถกถา ปกรณ์วิเศษที่อธิบายความ หรือแต่งตามนัยแห่งอภิธรรม และมหายานศาสตร์แยกแนวคิดของศาสตร์เป็น ๒ แนวคิดคือ มาธยมิก และโยคาจาร)

โดยพระอภิธรรมดั้งเดิมนี้ อาจถูกเรียกว่า “มูลอภิธรรม” หรือในภายหลังอาจถูกเรียกว่า “อภิธรรมหินยาน” เพื่อให้มีความชัดเจนในการแยกแยะออกจาก “อภิธรรมมหายาน”


แนวปฏิบัติอย่างนี้ก็ยังยึดถือกันมาจนในยุคที่พระอี้จิงเดินทางไปที่อินเดีย ราวพุทธศวรรษที่ ๑๓ ดังปรากฎในบันทึกของท่าน (南海寄歸內法傳 : T2125) กล่าวว่า ในดินแดนที่ท่านไปนับถือพุทธศาสนาทั้งมหายานและหินยาน ภิกษุถือสายพระวินัยใน ๔ นิกายหลักๆ คือ

๑.อารยมหาสังฆิกะนิกาย (阿離耶莫訶僧祇尼迦耶)
๒.อารยสถวีระนิกาย หรือเถรวาท (阿離耶悉他陛攞尼迦耶)
๓.อารยมูลสรรวาสติวาทนิกาย (阿離耶慕攞薩婆悉底婆拖尼迦耶)
๔.อารยสัมมิตียะนิกาย (阿離耶三蜜栗底尼迦耶)

แต่ละนิกายมีพระไตรปิฎกเป็นของตน (三藏 : ชุดคัมภีร์ที่ประกอบด้วย พระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม) และยังกล่าวแนวการปฏิบัติมหายานและหินยานดังนี้ :

其四部之中,大乘小乘區分不定。北天南海之郡純是小乘,神州赤縣之鄉意存大教,自餘諸處大小雜行。考其致也,則律撿不殊,齊制五篇通修四諦,若禮菩薩、讀大乘經,名之為大;不行斯事,號之為小。所云大乘,無過二種:一則中觀、二乃瑜伽

ในบรรดา ๔ นิกายนี้ จักจัดจำแนกว่าเป็นมหายานหรือหินยานนั้น มิอาจกำหนดลงไปได้ ในอินเดียเหนือและดินแดนทะเลใต้ต่างประพฤติปฏิบัติในหินยานอย่างเคร่งครัด ส่วนในประเทศจีนอันเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์นั้นอุทิศตนประพฤติปฏิบัติในมหายาน ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ประพฤติปฏิบัติทั้งมหายานและหินยานปะปนกัน

เมื่อได้พิจารณาดูโดยสรุปแล้ว ได้เทียบเคียงพระวินัยดูแล้วก็มิได้แตกต่างกันนัก เพราะต่างปฏิบัติในกองอาบัติ ๕ อย่างและประพฤติธรรมตามหลักอริยสัจ ๔ เสมอกัน แต่หากฝ่ายใดบูชาพระโพธิสัตว์และศึกษามหายานสูตร ฝ่ายนั้นได้ชื่อว่า ใหญ่ (มหายาน) และฝ่ายใดมิได้ประพฤติเช่นนั้น ฝ่ายนั้นได้ชื่อว่า เล็ก (หินยาน)

ที่เรียกว่า มหายาน นั้นมีอยู่ ๒ ฝ่าย คือ ๑.มาธยมิก (ทัศนะทางสายกลาง) ๒.โยคาจาร (ทัศนะผู้ปฏิบัติโยคะ[คือการเพียรภาวนาให้เห็นจิต])

—————————

แต่ปัจจุบันนี้ คัมภีร์พระอภิธรรมของนิกายต่างๆ จำนวนมากสูญหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงพระอภิธรรมและศาสตร์เพียงไม่กี่นิกาย และแม้จะมีการนำต้นฉบับภาษาสันสกฤตและปรากฤตต่างๆ ขึ้นไปที่จีน แต่ก็ไม่พบการแปล

เช่น พระฝาเสี่ยน (ฟาเหียน)นำพระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะกลับไป แต่ไม่พบการแปล

พระเสวียนจั้ง (พระถังซัมจั๋ง) นำคัมภีร์กลับมา โดยเป็นคัมภีร์พระสูตรมหายาน ๒๒๔ คัมภีร์ คัมภีร์ศาสตร์มหายาน ๑๙๒ คัมภีร์

ยังได้นำคัมภีร์พระสูตร พระวินัย ศาสตร์(อภิธรรม)ของ
นิกายเถรวาท ๑๔ คัมภีร์
นิกายมหาสังฆิกะ ๑๕ คัมภีร์
นิกายสัมมิตียะ ๑๕ คัมภีร์
นิกายมหีศาสกะ ๒๒ คัมภีร์
นิกายกาศยปียะ ๑๗ คัมภีร์
นิกายธรรมคุปต์ ๔๒ คัมภีร์
นิกายสรรวาสติวาท ๖๗ คัมภีร์ กลับมาด้วย แต่ส่วนมากก็ยังไม่ได้แปลและต้นฉบับในจีนก็สูญหายแล้ว (คัมภีร์ในที่นี้บางครั้ง ไม่ได้หมายถึงคัมภีร์เล็กๆ แต่หมายถึง ปิฎกทั้งปิฎกก็ได้ อย่างพระวินัยปิฎก ก็นับ ๑ คัมภีร์ หรือพระสูตรขนาดยาวหลายๆ ผูก ก็นับเป็น ๑ คัมภีร์ )

—————————

กล่าวได้ว่า มหายานในอินเดียนั้น ยอมรับพระอภิธรรมเดิม (มูลอภิธรรม) ตามนิกายของตนที่ได้อุปสมบทมา และมหายานไม่ได้มาลบล้างพระไตรปิฎกของนิกายใดๆ เลย ในทางกลับกัน สังฆะมหายานในแต่ละแห่งยังรักษา ทรงจำพระไตรปิฎกเดิมของนิกายตนเองด้วย

—————————

สถานการณ์พระอภิธรรมในจีน

เนื่องจากมีการทำสังคายนาพระไตรปิฎกของพุทธศาสนาฝ่ายเหนือ ของนิกายสรรวาสติวาท ที่อุปถัมก์โดยพระเจ้ากนิษกะ พระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิกุษาณะ (ทรงอุปถัมภ์พุทธศาสนาทั้งสาวกยานและมหายาน) ในอินเดียเหนือ

จึงทำให้นิกายสรรวาสติวาทมีอิทธิพลค่อนข้างสูงกว่านิกายอื่นๆ โดยพระอภิธรรมของนิกายสรรวาสติวาทส่งผลต่อการประพันธ์คัมภีร์ศาสตร์ของมหายานหลายคัมภีร์

จึงส่งผลให้พระธรรมทูตนิยมเลือกคัมภีร์อภิธรรมของนิกายสรรวาสติวาทไปเผยแพร่ที่เอเชียตะวันออก และแปลมากกว่านิกายอื่นๆ

แต่กระนั้นก็ปรากฏว่า พระธรรมทูตก็ได้นำคัมภีร์ของนิกายอื่นๆ ขึ้นไปจำนวนมาก ตามที่ได้กล่าวไป ก็เป็นไปด้วยความพยายามที่จะรักษามหาสาครแห่งพุทธธรรมอันมีมากมายมหาศาลนี้ไว้ แม้จะไม่สามารถเก็บรวบรวมหรือแปลคัมภีร์ไว้ได้ทั้งหมดก็ตาม แต่ก็ทำไปด้วยสติปัญญาอย่างเต็มกำลังของพระธรรมทูตและคณาจารย์ในสมัยนั้นถึงที่สุดแล้ว

ซึ่งก็ยังเหลือ คัมภีร์ศาสตร์และปกรณ์วิเศษด้านพระอภิธรรม ของนิกายต่างๆ ถูกแปลเป็นภาษาจีนอยู่ ลองมาดูกันว่าในคัมภีร์ภาษาจีน และบันทึกจีน กล่าวถึงมหายานแต่ละกลุ่มในอินเดียโบราณว่า มีคัมภีร์อะไรบ้างที่เกี่ยวกับพระอภิธรรมของนิกายต่างๆ ที่พอจะเหลือตกทอดมาถึงปัจจุบัน

________________________
มหายานสายนิกายสัมมิตียะ
________________________

นิกายสัมมิตียะ เป็นนิกายฝ่ายสถวีรวาท กลุ่มปุคคลวาท(ปุทคลวาท) หรือ กลุ่มวัตสีปุตรียะ

ในบันทึกการเดินทางของพระเสวียนจั้ง หรือ พระถังซัมจั๋ง (大唐西域記 : T2087) นั้นระบุว่า ที่อินเดียตะวันตก ลุ่มแม่น้ำสินธุ (ปัจจุบันเป็นปากีสถาน) มีทั้งภิกษุนิกายสัมมิติยะที่เป็นมหายานและสาวกยาน ใน แคว้นสินธุ แคว้นอุทุมพติระ แคว้นปาตาสิลา ภิกษุนิกายสัมมิติยะเป็นฝ่ายหินยาน ในแคว้นอวัณฑะ ภิกษุนิกายสัมมิติยะเป็นฝ่ายมหายาน

นิกายนี้ให้การยอมรับพระอภิธรรม แต่ไม่ทราบได้ว่าจำแนกพระอภิธรรมไว้กี่หมวด ยังพอเหลือบางส่วนของปกรณ์วิเศษพระอภิธรรมของนิกายนี้ในฉบับภาษาจีน

๑.จตุราคมมาตฤกา (四阿鋡暮抄解 : T1505) แปลโดยพระกุมารพุทธิ (鳩摩羅佛提) มี ๒ ผูก จากคำนำที่เขียนขึ้นในจีน ระบุว่าพระอานนท์ได้ทำสังคายนาพระสูตร ๑๒ ประเภท (ทวาทศางคะ) จัดเป็น ๔ อาคม (ทีรฆาคม มัธยมาคม เอโกตตราคม สัมยุกตาคม) ได้เป็นสุตตันตปิฎก รวมเข้ากับพระวินัยและ พระอภิธรรมได้เป็น ๓ ปิฎก จากนั้น พระอรหันต์ชื่อ วสุภัทระ (อาจเป็นคณาจารย์ของฝ่ายสัมมิตียะ) ได้รจนาคัมภีร์นี้ขึ้นมา แยกแยะหัวข้อธรรมะในพระสูตรออกเป็นแม่บท หรือ มาติกา (ไว้อย่างอภิธรรม) แต่เป็นการแปลที่ไม่สมบูรณ์นัก

๒. ตริธรรมกศาสตร์ (三法度論 : T1506 ) หรือ ตริธรรมขัณฑกะ แปลโดยพระสังฆเทวะ (僧伽提婆) มี ๓ ผูก ยกเป็นแม่บทอธิบายถึงปุทคละ ๓ ประเภท เพื่อสนับสนุนแนวคิดปุคคลวาท ของนิกายสัมมิตียะ ดังนี้ ๑.อาศฺรยปรัชญัปติปุทคละ ๒.สังกรมปรัชญัปติปุทคละ ๓.นิโรธปรัชญัปติปุทคละ

๓. สามมิตียนิกายศาสตร์ (三彌底部論 : T1649) หรือ อาศฺรยปรัชญัปติศาสตร์ หรือ อุปาทายปรัชญัปติ ไม่ทราบผู้แปล มี ๓ ผูก

________________________
มหายานสายนิกายเถรวาท
________________________

นิกายเถรวาท เป็นนิกายฝ่ายสถวีรวาท กลุ่มวิภัชชวาท

นิกายเถรวาท ให้การยอมรับพระอภิธรรม และมีพระอภิธรรมครบปิฎก พร้อมอรรถกถา ฎีกา ปกรณ์วิเสสต่างๆ โดยนิกายเถรวาทจำแนกพระอภิธรรมไว้ ๖ หมวด หลังการทำสังคายนาครั้งที่ ๓ พระสังคีติกาจารย์ในครั้งนั้นได้ยกคัมภีร์กถาวัตถุ เพิ่มเข้ามา มีเนื้อหาบอกถึงความเห็นที่ที่ขัดแย้งกันระหว่างนิกายต่างๆ โดยชื่อคัมภีร์ต่างๆ มีดังนี้

๑.ธัมมสังคณี ๒.วิภังค์ ๓.ธาตุกถา ๔.ปุคคลบัญญัติ ๕.กถาวัตถุ ๖.ยมก ๗.ปัฏฐาน (มหาปกรณ์)

มหายานเถรวาท หรือ มหายานสถวีรวาท (大乘上座部)

คือ มหายานที่ถือในพระวินัยนิกายเถรวาท ในบันทึกการเดินทางของพระเสวียนจั้ง พบคณะสงฆ์กลุ่มนี้ ในอินเดียตะวันออก พบใน พุทธคยา แคว้นมคธ แคว้นกลิงคะ แคว้นปุณฑวรรธนะ อินเดียตะวันตก พบในแคว้นภารุกัจฉะ แคว้นสุราษฏระ

และพบในเกาะลังกา ซึ่งค่อนข้างมีหลักฐานชัดเจนที่สุด คือ สำนักอภัยคีรีวิหาร ในเกาะลังกา สำนักนี้ก็คงจะใช้พระอภิธรรมภาษาบาลีของฝ่ายเถรวาท เพราะเป็นสำนักที่มีการคัดลอกเผยแพร่พระไตรปิฎกของเถรวาทที่สำคัญแห่งหนึ่งในลังกา หลังมีการจดจารพระไตรปิฎกบาลีเถรวาทลงใบลานครั้งแรกใหม่ๆ


ที่มาของสำนักอภัยคีรีวิหาร อย่างคร่าวๆ ราวพ.ศ. ๔๔๐ พระเจ้าวัฏฏคามินี ได้ราชสมบัติในลังกา เกิดเหตุการณ์ในภาษาสิงหลว่า แพะมิณิติยาสายะ หรือเหตุการณ์ทุพภิกขภัยแห่งพราหมณ์ติสสะ โดยบ้านเมืองประสบปัญหา พราหมณ์ติสสะก่อกบฏขึ้นและเกิดการจลาจล มีการรุกรานจากชนชาติทมิฬ และซ้ำร้ายเกิดกันดารอาหาร ความอดอยากและโรคระบาดไปทั่ว พระเจ้าวัฏฏคามินีต้องลี้ภัยเป็นเวลานานถึง ๑๔ ปี ในขณะนั้นพระสงฆ์ทรงจำพระธรรมวินัย ขาดอาหารมรณภาพในป่าหลักหมื่นรูป

ครั้นพระเจ้าวัฏฏคามินีจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว พวกคณะสงฆ์ภิกษุลังกาเหล่านั้นพิจารณาเห็นความผันผวนของเหตุการณ์บ้านเมือง ด้วยความหวั่นเกรงว่าพระธรรมจะสูญหาย จึงลงความเห็นว่า ควรทำสังคายนาพระธรรมวินัย แล้วจดจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรไว้ จึงให้ประชุมกันสังคายนา ณ อาโลกเลณสถาน ในมลยชนบท ได้พระไตรปิฎกเถรวาทฉบับใบลานครั้งแรก

ส่วนพระเจ้าวัฏฏคามินีทรงบำรุงพุทธศาสนา ซ่อมแซมวัดวาอาราม สนับสนุนการคัดลอกพระไตรปิฎกที่จดจารลงใบลานแล้ว ทรงนึกถึงความหลัง ครั้นพระองค์ถูกนักบวชนิครนถ์แห่งติตถาราม แจ้งที่อยู่ของพระองค์ขณะทรงหลบหนีให้ศัตรูทราบ ต่อมาเมื่อพระองค์หลบหนีมาได้ มีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อ พระมหาติสสะเถระ ช่วยพระองค์ไว้ พระเจ้าวัฏฏคามินี จึงทรงชำระความกับพวกนิครนถ์ โดยขับไล่พวกพวกนิครนถ์ออกจากติตถาราม แล้วสร้างวัดขึ้นแทนชื่อ อภัยคีรี ถวายแก่พระมหาติสสะเถระ พระเจ้าวัฏฏคามินีอุดหนุนวัดอภัยคีรี จนเป็นเหตุให้คณะสงฆ์เดิมไม่พอใจ โจทย์พระมหาติสสะเถระ ว่าเป็นผู้ประจบตระกูลต้องอาบัติสังฆาทิเสส (ในคัมภีร์มหาวงศ์ เรียกท่านว่า คนโกหกและประจบตระกูล

เพราะพระมหาติสสะเคยให้อาหารบิณฑบาตแก่พระเจ้าวัฏฏคามินีก่อนคนแรกเมื่อคราวพระองค์ลี้ภัย) จากนั้นได้ขับพระมหาติสสะเถระออกจากคณะสงฆ์ และลูกศิษย์ท่านจำนวนมากก็ได้ติดตามท่าน ไปอยู่ที่อภัยคีรีด้วย จากนั้นคณะสงฆ์เถรวาทในลังกาจึงแตกเป็น ๒ ฝ่ายใหญ่ๆ

๑. ฝ่ายมหาวิหาร เป็นเถรวาทสายอนุรักษนิยมอย่างเครงครัด ๒. ฝ่ายอภัยคีรีวิหาร เป็นเถรวาทสายก้าวหน้า ศึกษาแลกเปลี่ยนทัศนะใหม่ๆ ต่อมาเรียก ฝ่ายนี้ว่าธรรมรุจี ภายหลังยอมรับแนวคิดมหายานด้วย (มหาวงศ์เรียกว่า เวตุลละ) ซึ่งพระเจ้าพระเจ้าวัฏฏคามินีก็ทรงให้การอุปถัมภ์ทั้ง ๒ ฝ่ายจนสิ้นรัชกาล

(จากหลักฐาน ในลังกามีสำนักนิกายเถรวาท อีกคือ ฝ่ายเชตวัน และยังมีคณะสงฆ์นิกายอื่นๆ ที่มิใช่เถรวาทด้วยเช่น มหาสังฆิกะ มหีศาสกะ )

——————–

ในบันทึกจีนนั้นกล่าวถึง มหายานกลุ่มนี้ไว้บ้าง

ในบันทึกของพระฝาเสี่ยน หรือ ฟาเหียน (法顯) ระบุไว้ในบันทึก 高僧法顯傳 (T2085) กล่าวโดยสรุปว่า ท่านได้มาที่เกาะลังกา หรือประเทศสิงหะ (師子國 : สิงหล) พำนักอยู่ที่อารามชื่อว่า ภูเขาแห่งความไม่มีภัย (無畏山) หรือ อภัยคีรีวิหาร พระฝาเสี่ยน ท่านได้พระวินัยปิฎกของนิกายมหีศาสกะ (彌沙塞律) และพระสูตร ทีรฆาคม (長阿含) สัมยุกตาคม (雜阿含) กษุทรกปิฎก(雜藏 ) จากสำนักนี้ไปจีนด้วย ซึ่งคัมภีร์เหล่านี้ยังไม่เคยปรากฏที่แผ่นดินจีนมาก่อน (此悉漢土所無者)

และพระสูตรพระฝาเสี่ยนได้รับไปอาจจะเป็น ทีฆนิกาย สังยุตตนิกาย ขุททกนิกาย ของฝ่ายเถรวาท (ซึ่งไม่ได้รับการถูกแปลในจีน) เนื่องจาก อภัยคีรีวิหาร เป็นสำนักที่มีการคัดลอกเผยแพร่พระไตรปิฎกของเถรวาทที่สำคัญแห่งหนึ่งในลังกา มีการแลกเปลี่ยนความรู้กับนิกายอื่นๆด้วย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีคัมภีร์วินัยของนิกายอื่นๆ ด้วย อภัยคีรีวิหารต้อนรับทัศนะใหม่ๆ จากต่างประเทศ ศึกษาทั้งเรื่องฝ่ายเถรวาทและมหายาน

ในบันทึกของท่านยังได้ระบุว่า ฝ่ายอภัยคีรีวิหาร มีภิกษุราว ๕ พัน ฝ่ายมหาวิหาร มีภิกษุราว ๓ พัน และท่านเคยไปร่วมงานณาปนกิจพระเถระฝ่ายมหาวิหารอีกด้วย

——————–

ในบันทึกการเดินทางของพระเสวียนจั้ง (大唐西域記 : T2087) ระบุอย่างชัดเจนว่า อภัยคีรีวิหาร เป็นมหายานเถรวาท โดยพระเสวียนจั้งรับฟังเรื่องของเกาะลังกามา ตอนที่ท่านอยู่ที่อินเดียใต้ โดยท่านไม่ได้เดินทางไปเอง มีเนื้อหาดังนี้

佛教至後二百餘年,各擅專門,分成二部:一曰摩訶毘訶羅住部,斥大乘,習小教。二曰阿跋耶祇釐住部,學兼二乘,弘演三藏。僧徒乃戒行貞潔,定慧凝明,儀範可師,濟濟如也。

(ในเกาะลังกา) เมื่อพระพุทธศาสนาเข้ามาได้ ๒๐๐ ปี คณะสงฆ์ได้แตกออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ๑. ฝ่ายมหาวิหารวาสิน ซึ่งปฏิเสธมหายานและศึกษาในหินยาน ๒.ฝ่ายอภัยคิริวิหารวาสิน ศึกษาทั้ง ๒ ยาน และเผยแผ่พระไตรปิฎก เป็นคณะสงฆ์ที่ประพฤติในศีลด้วยความบริสุทธิ์ มีจิตใจที่มั่นคงในสมาธิและสว่างด้วยปัญญา สมควรแก่การเคารพนับถือเป็นแบบอย่างของชนทั้งหลายทั่วไป

——————–

ตามหลักฐานร่วมสมัยอื่น ๆ แสดงให้เห็นว่าอภัยคีรีวิหาร นั้นพัฒนาเป็นศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนานานาชาติที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในสมัยนั้น จนมีชาวต่างชาติเข้ามาศึกษาทั้งพบหลักฐานความสัมพันธ์กับดินแดนต่างชาติ เช่น กัษมีระ จีน ชวา และดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

และพบการเชื่อมโยงสำนักอภัยคีรีวิหารกับคัมภีร์เถรวาทที่ถูกแปลในจีน แม้จะมีหลักฐานว่ามีคัมภีร์ของนิกายเถรวาทไปยังจีนหลายคัมภีร์ แต่ปรากฏการแปลเพียง ๒ คัมภีร์เท่านั้น คือ

๑. วิโมกษมารคศาสตร์ หรือ วิมุตติมรรค (解脫道論 : T1648) รจนาโดยพระอรหันต์อุปติสสะ (優波底沙) มี ๑๒ ผูก แปลโดย พระสังฆปาละ หรือ พระสังฆวรมัน (僧伽婆羅) จากอาณาจักรฟูนัน (扶南) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเนื้อหาคล้ายคัมภีร์วิสุทธิมรรค ของพระพุทธโฆษาจารย์ ในจีนจัดให้ วิมุตติมรรค เป็นศาสตร์หรือปกรณ์วิเศษฝ่ายพระอภิธรรม

และอีกหนึ่งคัมภีร์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับพระอภิธรรม

๒. สุทรรศนะวินยวิภาษา (善見律毘婆沙 : T1462) มี ๑๘ ผูก แปลโดย โดยพระสังฆภัทร ภิกษุชาวเอเชียกลาง (僧伽跋陀羅)คัมภีร์นี้มีเนื้อหาคล้าย คัมภีร์สมันตปาสาทิกา ของพระพุทธโฆษาจารย์ และมีส่วนต่างกันอยู่บ้าง ถูกนำมาใช้เป็นอรรถกถาพระวินัยปิฎกของนิกายธรรมคุปต์ (วินัยปิฎกนิกายธรรมคุปต์ และ วินัยปิฎกนิกายเถรวาทมีความใกล้ชิดกันมากมีการจัดวินัยขันธกะไว้เท่ากัน ) ในจีนจัดให้ สุทรรศนะวินยวิภาษา อยู่ในหมวดวินัย

——————–

การไม่ลงรอยกันกันระหว่างคณะสงฆ์ทั้ง ๒ ฝ่าย มีมาโดยตลอด และภายหลังการเข้ามาของพุทธแนวมนตรยาน และวัชรยาน ในฝ่ายอภัยคีรีวิหาร ยิ่งทวีความไม่พอใจของฝ่ายมหาวิหารเป็นอย่างยิ่ง และถูกผสมโรงด้วยการแทรกแซงทางการเมือง การแทรกแซงจากคณะสงฆ์ต่างชาติ ในบางรัชสมัยคณะสงฆ์ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างชิงดีชิงเด่น บางรัชสมัยก็อาศัยพระราชอำนาจเบียดเบียนกัน บางรัชสมัยก็ต่างแยกกันอยู่อย่างสงบ บางรัชสมัยพระราชาทรงอุปถัมภ์ด้วยดีทั้ง ๒ ฝ่าย จนราวในรัชสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุที่ ๑ (พ.ศ. ๑๖๙๗-๑๗๓๐) ทรงรวมคณะสงฆ์ทั้ง ๒ เข้าด้วยกัน เหลือแต่ฝ่ายมหาวิหาร แต่เจริญอยู่ได้ไม่นาน เกาะลังกาก็ต้องเผชิญกับภัยคุกคามใหม่จากชาติล่าอาณานิคมในยุโรป เรื่องราวต่างๆมีมาก สามารถศึกษาได้ใน คัมภีร์มหาวงศ์

(แต่พึงทราบว่า มหาวงศ์ เป็นวรรณกรรมประวัติศาสตร์ของลังกา แนวพงศาวดารและพงศ์กษัตริย์ หาใช่คัมภีร์ที่ใช้แสดงหลักพระธรรมทางพุทธศาสนาไม่ ในเนื้อเรื่องประกอบด้วย ประวัติศาสตร์ การเมือง การแย่งชิงอำนาจทั้งทางอาณาจักรและศาสนจักร มีเรื่องราวสงครามรบราฆ่าฟัน และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอคติเจือปนอยู่ ซึ่งก็เป็นธรรมดาของตำราประเภทนี้ ทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้าน อาจจะต้องศึกษาพิจารณาด้วยใจเป็นกลางอย่างเข้าใจบริบทในสมัยนั้น)

________________________
มหายานสายนิกายธรรมคุปต์
________________________

นิกายธรรมคุปต์ เป็นนิกายฝ่ายสถวีรวาท กลุ่มวิภัชชวาท เป็นนิกายที่เจริญในอินเดียเหนือและเอเชียกลาง

นิกายธรรมคุปต์ เป็นสาวกยาน ที่ให้ความสำคัญต่อแนวการปฏิบัติตนเป็นพระโพธิสัตว์ โดยให้ความสำคัญ พอๆ กับแนวการปฏิบัติตนเป็นพระอริยบุคคล ภายหลังจึงผสมกลมกลืนไปกับมหายานที่รุ่งเรืองอยู่ในอินเดียเหนือ นิกายนี้เป็นคณะธรรมทูตชุดแรกๆ ที่นำพุทธศาสนาไปเผยแพร่ในจีน อีกทั้งมีระบบพระวินัยคล้ายคลึงกับพระวินัยเถรวาทมากที่สุด

นิกายธรรมคุปต์ให้การยอมรับพระอภิธรรม และยังพอเหลือบางส่วนของอภิธรรมปิฎก ในฉบับภาษาจีน ชื่อว่า ศาริปุตราภิธรรม (舍利弗阿毘曇論 : T1548) มีจำนวน ๓๐ ผูก จำนวน สองแสนเจ็ดหมื่นกว่าตัวอักษรจีน แปลโดยพระธรรมยศัส (曇摩耶舍) และพระธรรมคุปต์ (曇摩崛多) ภิกษุชาวกัษมีระ (แคชเมียร์)

โดยเชื่อว่า พระสารีบุตร เป็นผู้ฟังอภิธรรมมาจากพระพุทธเจ้า ( คล้ายๆ เถรวาทที่ กล่าวไว้ในอรรถกาบาลี ชื่อคัมภีร์อัฏฐสาลินี ว่า พระสารีบุตรเถระก็นำพระอภิธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้วๆ มาแสดงแก่ภิกษุ ๕๐๐ ผู้เป็นสัทธิวิหาริกของท่าน)

โดยจำแนกพระอภิธรรมไว้ ๕ หมวด ๑.สปรัศนกะ ๒.อปรัศนกะ ๓.สังคระหะ ๔.สัมประโยคะ ๕.ปรัสถานะ การศึกษาทางวิชาการพบว่า ศาริปุตราภิธรรม คล้ายกับพระอภิธรรมนิกายเถรวาทมากกว่า พระอภิธรรมนิกายสรรวาสติวาท

ปัจจุบันค้นพบต้นฉบับ ศาริปุตราภิธรรม ภาษาสันสกฤตบางส่วนแล้ว พบที่หุบเขาบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชัน Schøyen

พระอภิธรรมชุดนี้ ค่อนข้างถูกละเลยไม่ค่อยถูกนำมาศึกษาในคณะสงฆ์มหายานในเอเชียตะวันออกมา ตั้งแต่สมัยที่แปลเสร็จแล้ว

แม้ว่าปัจจุบันคณะสงฆ์มหายานในเอเชียตะวันออกอุปสมบทในสายพระวินัยนิกายธรรมคุปต์ก็ตาม เพราะแต่เดิมคณะสงฆ์ในจีนอุปสมบทด้วพระวินัยที่หลากหลาย แต่ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองแทรกแซง จึงทำให้คณะสงฆ์ในจีนต้องทำการอุปสมบทและญัตติกรรมใหม่ด้วยพระวินัยของนิกายธรรมคุปต์ และส่งผลไปยัง คณะสงฆ์ในเกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนามด้วย

และเนื่องจากอดีต ภิกษุมหายานในอินเดียเหนือมักจะศึกษาในพระอภิธรรมของนิกายสรรวาสติวาทมากกว่า ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น จึงส่งผลให้พระธรรมทูตนิยมนำคัมภีร์อภิธรรมของนิกายสรรวาสติวาทไปเผยแพร่ที่เอเชียตะวันออก จึงทำให้พระอภิธรรมของนิกายสรรวาสติวาทมีการศึกษาในจีนมากกว่านิกายอื่นๆ ไปด้วย

Loading

Be the first to comment on "มหายานปฏิเสธพระอภิธรรมดั้งเดิมหรือไม่?"

Leave a comment