พระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ

แบ่งปันในสังคมออนไลน์

พระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ


ทำความเข้าใจกันในเบื้องต้นก่อนเข้าเนื้อหา เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า นิกายมหาสังฆิกะ เป็นนิกายมหายาน ในที่นี้ให้เข้าใจใหม่เสียก่อนว่า นิกายมหาสังฆิกะ ไม่ได้เป็นนิกายมหายาน โดยตรง แต่ผู้ที่บวชในนิกายต่างๆ สามารถเป็นมหายานได้โดยถือหลักโพธิสัตวมรรคและศึกษานมหายานสูตร ดังนั้นพระภิกษุในนิกายมหาสังฆิกะ อาจจะไม่ได้เป็นภิกษุมหายานทั้งหมด


มีการถกเถียงกันทางวิชาการเกี่ยวกับการยอมรับหรือมีอยู่ของพระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนและความเห็นที่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับแนวคิดความเชื่อของนิกายมหาสังฆิกะที่มีต่อพระอภิธรรม เนื่องจากเอกสารและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับนิกายนี้มีค่อนข้างจำกัด


  • เหตุผลหลักๆ คือ ในปัจจุบันยังไม่พบฉบับแปลภาษาต่างๆ ของพระอภิธรรมมหาสังฆิกะ หรือชิ้นส่วนต้นฉบับที่ระบุว่าเป็นพระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ หลงเหลืออยู่เลย

  • ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง ระบุว่านิกายมหาสังฆิกะไม่ยอมรับพระอภิธรรม เช่นในคัมภีร์ทีปวงศ์ เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของศรีลังกา (ราวศตวรรษที่ ๓ ถึง ๔ ) ในปริเฉทที่ ๔ ชื่ออาจาริยวาท กล่าวว่า นิกายมหาสังฆิกะนั้นได้ ละทิ้งพระอภิธรรม ๖ คัมภีร์ (ไม่รวมคัมภีร์กถาวัตถุ)

เป็นไปได้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว นิกายมหาสังฆิกะมีพระอภิธรรมเป็นของตนเองแยกต่างหาก
ในบันทึกจีนระบุถึงการมีอยู่ของพระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ แต่อาจจะไม่ได้มีการแปลเป็นภาษาจีน
๑. ในบันทึกของพระฝาเสี่ยน หรือ ฟาเหียน (法顯) ระบุไว้ในบันทึก 高僧法顯傳 (T2085) ตอนที่ท่านกำลังคัดลอกคัมภีร์อยู่ที่เมืองปาฏลีบุตร แคว้นมคธ (เมืองปัฏนา รัฐพิหาร อินเดียในปัจจุบัน)ว่า :


復得一部抄律。可七千偈。是薩婆多眾律。即此秦地眾僧所行者也。亦皆師師口相傳授不書之於文字。復於此眾中得雜阿毘曇心。可六千偈。又得一部經。二千五百偈。又得一卷方等般泥洹經。可五千偈。又得摩訶僧祇阿毘曇故。法顯住此三年。學梵書梵語。寫律道整既到中國。


[พระฝาเสี่ยน] ได้สำเนาต้นฉบับคัมภีร์พระวินัยมา ๑ ฉบับ มีประมาณ ๗,๐๐๐ คาถา (ในที่นี้คงจะหมายถึงบรรทัดบนใบลาน เพราะพระวินัยเป็นร้อยแก้ว) เป็นพระวินัยของนิกายสรรวาสติวาท ซึ่งพระวินัยนี้พระสงฆ์ในแผ่นดินฉิน (จีน) ก็ยังปฏิบัติตามอยู่ แต่[ในจีน]ก็ล้วนสั่งสอนกันเป็นมุขปาฐะอย่างอาจริยปรัมปรา (การสืบทอดคำสอนจากปากต่อปากของอาจารย์สู่ศิษย์) ไม่ได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร


ยังได้รับคัมภีร์สัมยุกตาภิธรรมหฤทยะ (พระอภิธรรมคัมภีร์หนึ่งของนิกายสรรวาสติวาท) จากคณะสงฆ์นี้ มีประมาณ ๖,๐๐๐ คาถา ยังได้รับอีกหนึ่งคัมภีร์ มีประมาณ ๒,๕๐๐ คาถา เป็นสำเนาต้นฉบับคัมภีร์มหาปรินิรวาณไวปูลยสูตร ๑ ฉบับ และอีกคัมภีร์มีประมาณ ๕,๐๐๐ คาถา เป็นต้นฉบับคัมภีร์มหาสางฆิกาภิธรรม (พระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ)
พระฝาเสี่ยนพำนักอยู่ที่นี่เป็นเวลา 3 ปี ศึกษาอักษรและภาษาสันสกฤต เมื่อคัดลอกพระวินัยเสร็จแล้วจึงเดินทางกลับประเทศจีน


๒. ในชีวประวัติและบันทึกการเดินทางของพระเสวียนจั้ง หรือ พระเฮี้ยนจัง หรือ พระถังซัมจั๋ง (玄奘) ก็มีกล่าวไว้
ในชีวประวัติ 大唐大慈恩寺三藏法師傳 (T2053 ) ผูกที่ ๔ ระบุไว้ตอนที่ท่านเดินทางไปที่แคว้นธานยกฏกะ (แถวรัฐอานธรประเทศ อินเดียในปัจจุบัน) กล่าวอ้างถึงพระไตรปิฎก (เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าประกอบไปด้วย สูตร วินัย อภิธรรม) และพระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ ว่า


法師在其國逢二僧,一名蘇部底,二名蘇利耶,善解大眾部三藏,法師因就停數月,學大眾部《根本阿毘達摩》等論,彼亦依法師學大乘諸論,


พระอาจารย์ได้พบกับพระภิกษุสองรูปในประเทศนั้น รูปหนึ่งชื่อ สุภูติ อีกรูปหนึ่งชื่อ สุริยะ พระภิกษุทั้ง ๒ รูปนี้ มีความรู้ในพระไตรปิฎกของนิกายมหาสังฆิกะอย่างลึกซึ้ง พระอาจารย์จึงพักอยู่ที่นั่นหลายเดือน เพื่อศึกษาคัมภีร์ ของนิกายมหาสังฆิกะ คือ คัมภีร์มูลาภิธรรม (มูละ-อภิธรรม) ขณะเดียวกันพวกเขาก็ศึกษามหายานศาสตร์จากพระอาจารย์ด้วย
(ศาสตร์ หรือ ศาสตระ เป็นคัมภีร์อรรถาธิบาย หากไม่เจาะจงมักใช้เรียก คัมภีร์อภิธรรม รวมถึงคัมภีร์อรรถกถาที่แต่งแก้ไขความในคัมภีร์อภิธรรม และคัมภีร์ปกรณ์วิเศษที่คณาจารย์ชั้นหลังแต่งตามนัยแห่งอภิธรรม ซึ่งในฝ่ายมหายานมีคัมภีร์ประเภทนี้อยู่จำนวนมาก)
และสอดรับในบันทึกการเดินทางของท่าน (大唐西域記 : T2087)กล่าวโดยสรุปดังนี้


ในแคว้นกัศมีระ มีคณาจารย์ฝ่ายนิกายมหาสังฆิกะ ชื่อ โพธิละ เป็นผู้ชำนาญในศาสตระ แต่งคัมภีร์ชื่อ ตัตตวะสัญจยศาสตร์ (昔佛地羅論師於此作大眾部《集真論》)


ในแคว้นธานยกฏกะ มีภิกษุราวพันรูป คณะสงฆ์นิกายมหาสังฆิกะ เป็นคณะสงฆ์ใหญ่สุด (僧徒千餘人,並多習學大眾部法) (ซึ่งเป็นที่ที่ท่านเรียนคัมภีร์มูลาภิธรรม)


ในรายการบัญชีที่นำคัมภีร์กลับมาก็ระบุว่า ท่านนำคัมภีร์พระสูตร วินัย ศาสตร์(อภิธรรม) ของนิกายมหาสังฆิกะ กลับมา ราว ๑๕ คัมภีร์ (大眾部經律論一十五部)


๓. จากหลักฐานในคัมภีร์นิกายมหาสังฆิกะ ที่มีการอ้างถึงพระอภิธรรม ยังเหลืออยูถึงปัจจุบันเพียงคัมภีร์เดียว คือคัมภีร์วินัยปิฎกของนิกายมหาสังฆิกะ ฉบับแปลภาษาจีน ชื่อ มหาสางฆิกวินัย (摩訶僧祇律 : T1425) จำนวน ๔๐ ผูก (มีสี่แสนห้าหมื่นกว่าตัวอักษรจีน) มีการกล่าวถึงพระอภิธรรมอยู่บ้าง ดังจะยกตัวอย่างดังนี้
ในภิกษุวิภังค์ บทวิภังค์นิสสรรคิงกะ ปาจัตติกา (นิสสัคคิยปาจิตตีย์) ผูกที่ ๘


「我所住處多年少比丘,不善契經、比尼、阿毘曇,不善觀陰、界、入、十二因緣,是故欲來就諸長老學契經、毘尼、阿毘曇,陰、界、入、觀十二因緣。」


สถานที่ที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ มีแต่ภิกษุนวกะไม่เชี่ยวชาญในพระสูตร พระวินัย และพระอภิธรรม อีกทั้งยังไม่เชี่ยวชาญในการพิจารณาขันธ์ ธาตุ อายตนะ และปัจจยาการทั้ง ๑๒ ประการ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงต้องการมาศึกษาพระสูตร พระวินัย และพระอภิธรรม ขันธ์ ธาตุ อายตนะ และการพิจารณาปัจจยาการ ทั้ง ๑๒ ประการ จากพระเถระทั้งหลาย


ในภิกษุวิภังค์ บทวิภังค์ศุทธะปาจัตติกา (ปาจิตตีย์) ผูกที่ ๑๔ ให้รายละเอียดพระอภิธรรม ว่าแยกเป็น ๙ สูตร


異語惱他,有八事。何等八?一者作羯磨時;二者如法論時;三者論阿毘曇時;四者論毘尼時;…..
作羯磨者,比丘和集作折伏羯磨,乃至別住羯磨,是名作羯磨。如法論者,說非常非斷,是名如法論。阿毘曇者,九部修多羅,是名阿毘曇。毘尼者,廣略波羅提木叉,是名毘尼。


การใช้ถ้อยคำที่ก่อกวนผู้อื่นให้รำคาญ มี ๘ ประการ อะไรบ้างคือ ๘ ประการนั้น? ๑. [รบกวน]ในขณะที่เขาทำสังฆกรรม ๒.ในขณะที่เขาสนทนาพระธรรม ๓.ในขณะที่เขาสนทนาพระอภิธรรม ๔.ในขณะที่เขาสนทนาพระวินัย …. (ข้ามข้ออื่นๆ)….. การสังฆกรรมนั้นคืออะไร? คือ การที่ภิกษุประชุมกันเพื่อทำสังฆกรรมต่าง ๆ เช่น เพื่อการลงโทษหรือเพื่อการแยกหมู่ นี่เรียกว่าสังฆกรรม
สนทนาพระธรรมนั้นคืออะไร? คือการกล่าวถึงความไม่เป็นอุจเฉททิฐิ ไม่เป็นสัสสตทิฐิ (คือมัชฌิมาปฏิปทา) นี่เรียกว่าการสนทนาธรรม
พระอภิธรรมนั้นคืออะไร? คือสูตรทั้ง ๙ อย่าง นี่เรียกว่าพระอภิธรรม
พระวินัยนั้นคืออะไร ? คือนิทเทสและอุทเทสแห่งปาฏิโมกข์ นี่เรียกว่าพระวินัย


แม้บางท่านจะกล่าวว่า สูตรทั้ง ๙ (九部修多羅 ) คือ นวังคสัตถุศาสน์ หรือ การแบ่งพระสูตรตามลักษณะ ๙ อย่างซึ่งเถรวาทและมหาสังฆิกะแบ่งเหมือนกัน
(แต่ในมหายานและสาวกยานนิกายอื่นๆ แบ่งเป็น ๑๒ อย่าง เรียก ทวาทศางคะ)
และบางท่านกล่าวสรุปว่า อภิธรรมนิกายมหาสังฆิกะคือพระสูตรนั้นเอง แต่ในความจริงแล้วนิกายมหาสังฆิกะ แม้จะจำแนกลักษณะพระสูตรเป็น ๙ แบบ อย่างเถรวาท แต่การแบ่งพระสูตรลงสุตตันตปิฎกนั้น แบ่งเป็น ๕ หมวดเหมือนนิกายอื่นๆ และแยกพระอภิธรรมออกจากพระสูตร


ในภิกษุปกิณณกะ ส่วนที่ว่าด้วยการทำสังคายนาครั้งที่ ๑ ของพระเถระ ๕๐๐ รูป (五百結集法藏) ผูกที่ ๓๒ กล่าวถึงพระอานนท์ทำสังคายนาพระสูตร
(อนึ่ง งานวิชาการในไทยบางแห่งระบุว่า พระปุราณะไม่ยอมรับมติของพระเถระ ๕๐๐ รูป ในการทำสังคายนาครั้งที่ ๑ จึงเป็นต้นเค้าของการแยกนิกายออกมาเป็นมหาสังฆิกะนั้น เป็นการกล่าวที่่ค่อนข้างคลาดเคลื่อนไปมาก เพราะตามคัมภีร์ของนิกายนี้ยอมรับการทำสังคายนาครั้งที่ ๑)
ในส่วนนี้กล่าวถึงพระอานนท์ดังนี้


尊者阿難誦如是等一切法藏,文句長者集為《長阿含》;文句中者集為《中阿含》;文句雜者集為《雜阿含》,所謂根雜、力雜、覺雜、道雜,如是比等名為雜;一增、二增、三增乃至百增,隨其數類相從,集為《增一阿含》;《雜藏》者,所謂辟支佛、阿羅漢自說本行因緣,如是等比諸偈誦,是名《雜藏》。


พระอานนท์เถระเจ้าได้ทำสังคายนาพระธรรมทั้งปวงเป็นปิฎกเช่นนี้
บทปาฐะใดมีเนื้อหาที่ยาวก็ถูกรวบรวมเป็น ทีรฆาคม (ทีฆนิกาย)
บทปาฐะใดมีเนื้อหาความยาวปานกลางถูกรวบรวมเป็น มัธยมาคม (มัชฌิมนิกาย)
บทปาฐะใดมีเนื้อหาเป็นหมวดต่างๆ ผสมกันถูกรวบรวมเป็น สัมยุกตาคม (สังยุตตนิกาย) เรียกเช่นว่า อินทรีย์สังยุกต์ พลสังยุกต์ โพชฌงคสังยุกต์ มรรคสังยุกต์ เป็นต้น ก็อย่างนี้จึงเรียกว่าผสม
ส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่ง สอง สาม จนถึงร้อย ตามลำดับของจำนวน ถูกจัดรวบรวมเป็น เอโกตตราคม (อังคุตตรนิกาย)
กษุทรกปิฎก (ขุททกนิกาย) มีอุทาน อปทานแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และคาถา บทสาธยายต่างๆมากมาย เหล่านี้เรียกว่า กษุทรกปิฎก
(คาถา คือพระสูตรที่เป็นบทร้อยกรอง เช่น ธรรมบท อุทาน อิติวุตตกะ สุตตนิบาต ชาดก เป็นต้น)


และก่อนจะจบ คัมภีร์ได้ไล่สายการทรงจำพระพุทธพจน์ของคณาจารย์ของฝ่ายนิกายมหาสังฆิกะ จนไปถึงพระพุทธเจ้ายกมาพอสังเขปดังนี้


此法從何處聞?從尊者道力聞,《[*]比尼》、《阿毘曇》、《雜阿含》、《增一阿含》、《中阿含》、《長阿含》。道力復從誰聞?從尊者弗沙婆陀羅聞。


ได้ยินธรรมะนี้มาจากที่ใด ? ได้ยินมาจากพระมรรคพลเถระ ด้วยพระวินัย พระอภิธรรม สัมยุกตาคม เอโกตตราคม มัธยมาคม และ ทีรฆาคม เหล่านี้ แล้วพระมรรคพลเถระได้ยินมาจากใคร? ได้ยินมาจากพระปุษยภัทรเถระ


และหากมีการศึกษาต่อยอดในอนาคต และมีผลการศึกษาที่มากพอ ที่พิสูจน์ได้ว่านิกายมหาสังฆิกะมีพระอภิธรรมมาตั้งแต่แรกเริ่ม ก็อาจตั้งสมมุติฐานทางวิชาการใหม่ได้ว่า พระอภิธรรมนั้นเป็นสิ่งที่อาจมีมาก่อนการแยกนิกายของพุทธศาสนาดั้งเดิม (ก่อนการแยกกันระหว่างสถวีรวาทและมหาสังฆิกะ)
และหากมีการศึกษาเปรียบเทียบพระอภิธรรมในฉบับที่เหลืออยู่ได้ทั้งหมด เราคงจะได้เห็นมูลรากเดิมของพระอภิธรรมฉบับดั้งเดิม หรือที่เรียกว่า บทมาติกา (ส. มาตฺฤกา ป.มาติกา) ที่มีมาร่วมกันแต่เดิม ก่อนที่แต่ละนิกายต่างๆ จะพัฒนาพระอภิธรรมไปในทิศทางที่แตกต่างกัน จนมีการตีความและมีรูปแบบในส่วนที่เหมือนและต่างกันไป ทั้งฉบับภาษาบาลี ภาษาจีน ภาษาทิเบต ดังที่ปรากฏมาถึงในปัจจุบันนี้

Loading

Be the first to comment on "พระอภิธรรมของนิกายมหาสังฆิกะ"

Leave a comment