คัมภีร์ลลิตวิสตระ
อัธยายที่ ๑ นิทานปริวรรต
ตอนที่ ๑
อัธยายที่ ๑ เรียกว่านิทานปริวรรต ว่าด้วยเหตุที่พระพุทธทรงแสดงธรรมปริยายคือ ลลิตวิสตรนี้ โดยเล่าว่ามีเทพเจ้ามาทูลขอร้องให้พระองค์ทรงแสดงไวปุลยสูตรดั่งกล่าว พระพุทธทรงเล่าเรื่องราว โดยตรัสเป็นคำประพันธ์ว่า
ตตฺภิกฺษโว เม ศฺฤณุเตห สรฺเว
ไวปุลฺยสูตฺรํ หิ มหานิทานมฺ
ยทฺภาษิตํ สรฺวตถาคไตะ ปฺราคฺ
โลกสฺย สรฺวสฺย หิตารฺถเมวมฺ ฯ
คำแปล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งปวงจงฟังมหานิทานของตถาคต อันเป็นสูตรที่กว้างขวางไพบูลย์
ซึ่งพระตถาคตทั้งปวงได้ตรัสแสดงในครั้งก่อนๆ แล้วเพื่อประโยชน์ชาวโลกทั้งปวงดั่งนี้แล ฯ
ในตอนที่ ๑ นี้กล่าวถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่พระอารามเชตวัน ท่ามกลางมหาสันนิบาตอันประกอบด้วยพระสาวกและพระโพธิสัตว์จำนวนมาก โดยมีเนื้อหาต่อไปนี้
นมะ สรฺวพุทฺธโพธิสตฺตฺเวภฺยะฯ
ลลิตวิสฺตระฯ
ลลิตวิสตระ
๚ โอํ นโม ทศทิคนนฺตาปรฺยนฺตโลกธาตุปฺรติษฺฐิตสรฺวพุทฺธโพธิสตฺตฺวารฺยศฺราวกปฺรตฺเยกพุทฺเธภฺโย’ตีตานาคตปฺรตฺยุตฺปนฺเนภฺยะ๚
ความนอบน้อมของข้าพเจ้าจงมีแด่พระพุทธ พระโพธิสัตว์ พระอารยศราวก และพระปรัตเยกพุทธทั้งหลายทั้งปวง ทั้งในอดีต อนาคต และปัจจุบันอันประดิษฐานดำรงอยู่ในโลกธาตุ อันไม่มีเขตสุด และไม่มีขอบเขตในทิศทั้ง ๑๐
๑ นิทานปริวรฺตะ ปฺรถมะฯ
อัธยายที่ ๑ ชื่อนิทานปริวรรต (ว่าด้วยเหตุบังเกิดพระสูตร)
เอวํ มยา ศฺรุตมฺฯ เอกสฺมินฺสมเย ภควานฺ ศฺราวสฺตฺยํา วิหรติ สฺม เชตวเน’นาถปิณฺฑทสฺยาราเม มหตาภิกฺษุสํเฆน สารฺธํ ทฺวาทศภิรฺภิกฺษุสหไสฺระฯ
เอวํ มยา ศฺรุตมฺ ข้าพเจ้าผู้มีนามว่า อานันทะ ได้สดับมาแล้วอย่างนี้–
เอกสฺมินสมเย ภควานฺ ในสมัยกาลครั้งหนึ่ง พระผู้มีภคะ(*)ทรงสำราญพระอิริยบถ อยู่ในพระอารามเชตวันอันเป็นอารามของท่านอนาถปิณฑทะในนครศราวัสตี พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ใหญ่มีจำนวนประมาณ ๑๒,๐๐๐ รูป
* ผู้มีภคะ คือผู้มีสมบัติ ๖ อย่าง ได้แก่ ๑.ทรัพย์ ๒.วีรยะ ๓.ปรัชญาชญาน ๔.วิรคะธรรม ๕.ยศ ๖.ศรีหรือสิริ คำว่า ภควาเป็นภาษามคธ ภควานฺเป็นภาษาสํสกฤต ไทยแปลว่า พระผู้มีพระภาค
ตทฺยถา-อายุษฺมตา จ ชฺญานเกาณฺฑินฺเยนฯ
อายุษฺมตา จาศฺวชิตาฯ อายุษฺมตา จ พาษฺเปณฯ
นั่นคือ ท่านชญานเกาณฑินยะ ท่านอัศวชิตะ ท่านพาษปะ
อายุษฺมตา จ มหานามฺนาฯ อายุษฺมตา จ ภทฺริเกณฯ
อายุษฺมตา จ ยโศเทเวนฯ อายุษฺมตา จ วิมเลนฯ
ท่านมหานาม ท่านภัทริกะ ท่านยศเทวะ ท่านวิมละ
อายุษฺมตา จ สุพาหุนาฯ อายุษฺมตา จ ปูรฺเณนฯ
อายุษฺมตา จ ควําปตินาฯ อายุษฺมตา โจรุพิลฺวากาศฺยเปนฯ
ท่านสุพาหุ ท่านคะวำปติ ท่านปูรณะ ท่านอุรุวิลวากาศยปะ
อายุษฺมตา จ นทีกาศฺยเปนฯ อายุษฺมตา จ คยากาศฺยเปนฯ
อายุษฺมตา จ ศาริปุเตฺรณฯ อายุษฺมตา จ มหาเมาทฺคลฺยายเนนฯ
ท่านนทีกาศยปะ ท่านคยากาศยปะ ท่านศาริปุตระ ท่านมหาเมาทคัลยายนะ
อายุษฺมตา จ มหากาศฺยเปนฯ อายุษฺมตา จ มหากาตฺยายเนนฯ
อายุษฺมตา จ กผิเลนฯ อายุษฺมตา จ เกาณฺฑินฺเยนฯ
ท่านมหากาศยปะ ท่านมหากาตยายนะ ท่านกผิละ ท่านเกาณฑินยะ
อายุษฺมตา จ จุนนฺเทนฯ อายุษฺมตา จ ปูรฺณไมตฺรายณีปุเตฺรณฯ
อายุษฺมตา จานิรุทฺเธนฯ อายุษฺมตา จนนฺทิเกนฯ
ท่านจุนันทะ ท่านปูรณไมตรายณีปุตระ ท่านอนิรุทธะ ท่านนันทิยะ
อายุษฺมตา จ กสฺผิเลนฯ อายุษฺมตา จ สุภูตินาฯ
อายุษฺมตา จ เรวเตนฯ อายุษฺมตา จ ขทิรวนิเกนฯ
ท่านกัสผิละ ท่านสุภูติ ท่านเรวตะ ท่านขทิรวนิกะ
อายุษฺมตา จาโมฆราเชนฯ อายุษฺมตา จ มหาปารณิเกนฯ
อายุษฺมตา จ พกฺกุเลนฯ อายุษฺมตา จ นนฺเทนฯ
ท่านอโมฆราชะ ท่านมหาปารณิกะ ท่านพักกุละ ท่านนันทะ
อายุษฺมตา จ ราหุเลนฯ อายุษฺมตา จ สฺวาคเตนฯ อายุษฺมตา จานนฺเทนฯ
ท่านราหุละ ท่านสวาคตะ และท่านอานันทะ ฯ
เอวํปฺรมุไขรฺทฺวาทศภิรฺภิกฺษุสหไสฺระ สารฺธํ ทฺวาตฺริํศตา จ โพธิสตฺตฺวสหไสฺระ สรฺไวเรกชาติปฺรติพทฺไธะ
เช่นเดียวกัน พระองค์พร้อมด้วยประมุข คือพระภิกษุ ๑๒,๐๐๐ รูป พระโพธิสัตว์ ๓๒,๐๐๐ รูป สืบเนื่องด้วยสหชาต คือ เกิดคราวเดียวกันทั้งหมด
สรฺวโพธิสตฺตฺวปารมิตานิรฺชาไตะ สรฺวโพธิสตฺตฺวาภิชฺญตาวิกฺรีฑิไตะ
สรฺวโพธิสตฺตฺวธารณีปฺรติภานปฺรติลพฺไธะสรฺวโพธิสตฺตฺวธารณีปฺรติลพฺไธะ
สรฺวโพธิสตฺตฺวปฺรณิธานสุปริปูรฺไณะ
เป็นผู้ถือกำเนิดบำเพ็ญบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้สนุกสำราญอยู่ด้วยอภิชญาตาแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้ได้รับการแตกฉาน (มีปฏิภาณ) ในสิ่งที่ทรงจำแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้ได้รับมนตร์ธารณีแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยประณิธาน (ความตั้งใจในอันจะเป็นพระโพธิสัตว์) ทั้งปวง
สรฺวโพธิสตฺตฺวปฺรติสมฺยคฺคติํคไตะ สรฺวโพธิสตฺตฺวสมาธิวศิตาปฺราปฺไตะ
สรฺวโพธิสตฺตฺววศิตาปฺรติลพฺไธะ สรฺวโพธิสตฺตฺวกฺษานฺตฺยวกีรฺไณะ สรฺวโพธิสตฺตฺวภูมิปริปูรฺไณะฯ
เป็นผู้บรรลุถึงสัมยักคติ คือ ทางดำเนินชอบแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้ที่มีความปรารถนาเพื่อจะเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้หว่านโปรยความเพียรในอันจะเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้บำเพ็ญภูมิธรรมแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งปวง
ตทฺยถา- ไมเตฺรเยณ จ โพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ ธรณีศฺวรราเชน จ โพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ
นั่นคือ พระองค์ทรงสำราญพระอริยาบถพร้อมด้วยพระไมตรีผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระธรณีศวรราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์
สิํหเกตุนา จ โพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ สิทฺธารฺถมตินา จ โพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ
พระสิงหเกตุผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระสิทธารถะผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์
ปฺรศานฺตจาริตฺรมตินา จ โพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ ปฺรติสํวิตฺปฺราปฺเตน จโพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ
พระประศานตะจาริตระมติผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระประติสังวิตปราปตะผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์
นิตฺโยทฺยุกฺเตน จ โพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ มหากรุณาจนฺทฺริณา จโพธิสตฺตฺเวน มหาสตฺตฺเวนฯ
พระนิโตยทยุกตะผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระมหากรุณาจันทริณะผู้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์
เอวํปฺรมุไขรฺทฺวาตฺริํศตา จ โพธิสตฺตฺวสหไสฺระ๚
พระโพธิสัตว์เหล่านี้เป็นประมุขในจำนวนพระโพธิสัตว์ ๓๒,๐๐๐ พรองค์
-
ตารางเปรียบเทียบอักษรต้นฉบับ และคำอ่าน: ลลิตวิตระ อัธยายที่ ๑ ตอนที่ ๑
เชิงอรรถ
ตำแหน่งพุทธสถานในวัดเชตวันมหาวิหารในปัจจุบัน ดูบนแผนที่
ซากพุทธสถานในวัดเชตวันมหาวิหาร[1]
วัดเชตวันมหาวิหาร หรือ วัดพระเชตวัน อารามของบิณฑิกเศรษฐีเป็นอารามที่สร้างโดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี มหาเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี บนที่ตั้งของเชตวัน หรือสวนเจ้าเชต นอกเมืองสาวัตถี วัดแห่งนี้นับว่าเป็นวัดสำคัญในสมัยพุทธกาล และเป็นวัดที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษามากที่สุดถึง 19 พรรษาวัดเชตวันมหาวิหารเป็นสถานที่เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในนานานิกายมากมาย
ปัจจุบันวัดเชตวันมหาวิหารเหลือเพียงซากโบราณสถาน ได้รับการบูรณะจากทางราชการอินเดียเป็นอย่างดี ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำราปติ (Rapti) หรือแม่น้ำอจิรวดีในสมัยพุทธกาล นอกกำแพงเมืองสาวัตถีไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร ที่ ตำบลสะเหต (Saheth) รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย
ภาพสลักหินจากพระสถูปภารหุต ที่มัธยประเทศ อินเดียกลาง แสดงภาพท่านอนาถบิณฑิกะ
ซื้อที่จากเจ้าเชต โดยการปูลาดกหาปณะจำนวนหลายโกฏิ เพื่อสร้างสังฆาราม
ด้านล่างมีอักษรพราหมีกำกับว่า “เชตวน อนนฺถปินฺทิโก เทติ โกติสนฺถเตน เกต“ [2]
เดิมวัดเชตวันเป็นพระราชอุทยานสำหรับเสด็จประพาสของเจ้าเชต เจ้าชายในราชวงศ์โกศลแห่งเมืองสาวัตถี เป็นพระราชอุทยานร่มรื่นนอกตัวเมืองหลวง มีเนื้อที่ 80 ไร่ วัดเชตวันมหาวิหารมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏในพระสูตรว่า “วัดพระเชตวัน อารามของบิณฑิกเศรษฐี” ที่เรียกเช่นนี้เพื่อให้ทราบว่าวัดนี้เป็นวัดที่อนาถบิณฑิกะสร้างถวายแต่ใช้ชื่อวัดของเจ้าของที่เดิม เพราะวัดแห่งนี้เดิมเป็นที่ของเจ้าเชต เศรษฐีเจ้าที่ดินในสมัยนั้น ซึ่งอนาถบิณฑิกะซื้อต่อมาด้วยราคาที่แพงมหาศาลถึง 18 โกฏิ โดยเจ้าเชตกำหนดให้นำเหรียญกหาปณะมาปูเต็มพื้นที่ ๆ ต้องการซื้อ
ภาพจิตรกรรมบนกำแพง รูปพระพุทธเจ้าท่ามกลางมหาสันนิบาต ประกอบด้วยหมู่พระสาวกและพระโพธสัตว์ ในถ้ำ Nyag Lhakhang Kharpo ศิลปะธิเบต-กูเก สมัยยุคต้นอาณาจักรกูเก ราวต้นศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตซาด้า (Zhada) ทิเบตตะวันตก ที่มีพรมแดนติดกับลาดักห์และแคชเมียร์[3]
รูปปั้นและภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธเจ้ากับหมู่พระสาวกและพระโพธสัตว์ ศิลปะจีนสมัยราชวงศ์ถัง ในถ้ำตุนหวง มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน [4]
อ้างอิง
- Scene in Jetavana. https://en.wikipedia.org/wiki/Jetavana
- Anathapindika covers Jetavana with coins https://en.wikipedia.org/wiki/Anathapindika
- A Painted Book Cover from Ancient Kashmir
Fig. 12: Detail of Buddha Preaching to an Assembly of Monks
North Wall, Nyag Lhakhang Kharpo cave-temple, Khartse, Zada district,Tibet
Photo: Courtesy Thomas J. Pritzker.
http://www.asianart.com/articles/kashmir/11.html - Buddhist septad in the main niche, Mogao Cave 45, High Tang period (705–781). Replica in paint and fiberglass by Zhang Li and Li Lin, 2004. (Samira Bouaou/Epoch Times)
http://www.theepochtimes.com/n3/31735-a-piece-of-dunhuang-comes-to-new-york/
Be the first to comment on "คัมภีร์ลลิตวิสตระ อัธยายที่ ๑ ตอนที่ ๑"