คัมภีร์โพธิจรรยาวตารของศานติเทวะ ปริเฉทที่ ๓

แบ่งปันในสังคมออนไลน์

โพธิจรรยาวตารของศานติเทวะ

ปริเฉทที่ ๓ การเขาถึงซึ่งโพธิจิต

shantideva2s

โพธิจรรยาวตารของศานติเทวะ ปริเฉทที่ ๓ การเขาถึงซึ่งโพธิจิต

ในปริเฉทที่ ๓ ท่านศานติเทวะอธิบายการอธิษฐานเพื่อเข้าถึงโพธิจิต

ต้นฉบับจากโครงการ DSBC เสียงจากโครงการ Bodhisvara
แปลโดย พระมหาวิชาญ กำเหนิดกลับ ปริวรรตเป็นไทยโดยโปรแกรมไทย-สันสคริปท์

[คลิกเพื่อเปิดเสียง]

 

ปริวรรตเป็นไทยคงรูป

ศานฺติเทววิรจิตะ โพธิจรฺยาวตาระฯ

โพธิจิตฺตปริคฺรโห นาม ตฤตียะ ปริจฺเฉทะฯ

 

อปายทุะขวิศฺรามํ สรฺวสตฺตฺไวะ กฤตํ ศุภมฺฯ
อนุโมเท ปฺรโมเทน สุขํ ติษฺฐนฺตุ ทุะขิตาะ
๚๑๚
สํสารทุะขนิรฺโมกฺษมนุโมเท ศรีริณามฺฯ
โพธิสตฺตฺวตฺวพุทฺธตฺวมนุโมเท จ ตายินามฺ
๚๒๚
จิตฺโตตฺปาทสมุทฺรําศฺจ สรฺวสตฺตฺวสุขาวหานฺฯ
สรฺวสตฺตฺวหิตาธานานนุโมเท จ ศาสินามฺ
๚๓๚
สรฺวาสุ ทิกฺษุ สํพุทฺธานฺ ปฺรารฺถยามิ กฤตาญฺชลิะฯ
ธรฺมปฺรทีปํ กุรฺวนฺตุ โมหาทฺทุะขปฺรปาตินามฺ
๚๔๚
นิรฺวาตุกามําศฺจ ชินานฺ ยาจยามิ กฤตาญฺชลิะฯ
กลฺปานนนฺตําสฺติษฺฐนฺตุ มา ภูทนฺธมิทํ ชคตฺ
๚๕๚
เอวํ สรฺวมิทํ กฤตฺวา ยนฺมยาสาทิตํ ศุภมฺฯ
เตน สฺยํา สรฺวสตฺตฺวานํา สรฺวทุะขปฺรศานฺติกฤตฺ
๚๖๚
คฺลานานามสฺมิ ไภษชฺยํ ภเวยํ ไวทฺย เอว จฯ
ตทุปสฺถายกศฺไจว ยาวโทฺรคาปุนรฺภวะ
๚๗๚
กฺษุตฺปิปาสาวฺยถํา หนฺยามนฺนปานปฺรวรฺษไณะฯ
ทุรฺภิกฺษานฺตรกลฺเปษุ ภเวยํ ปานโภชนมฺ
๚๘๚
ทริทฺราณํา จ สตฺตฺวานํา นิธิะ สฺยามหมกฺษยะฯ
นาโนปกรณากาไรรุปติษฺเฐยมคฺรตะ
๚๙๚
อาตฺมภาวําสฺตถา โภคานฺ สรฺวตฺรฺยธฺวคตํ ศุภมฺฯ
นิรเปกฺษสฺตฺยชามฺเยษ สรฺวสตฺตฺวารฺถสิทฺธเย
๚๑๐๚
สรฺวตฺยาคศฺจ นิรฺวาณํ นิรฺวาณารฺถิ จ เม มนะฯ
ตฺยกฺตวฺยํ เจนฺมยา สรฺวํ วรํ สตฺตฺเวษุ ทียตามฺ
๚๑๑๚
ยศฺจาสุขีกฤตศฺจาตฺมา มยายํ สรฺวเทหินามฺฯ
ฆฺนนฺตุ นินฺทนฺตุ วา นิตฺยมากิรนฺตุ จ ปําสุภิะ
๚๑๒๚
กฺรีฑนฺตุ มม กาเยน หสนฺตุ วิลสนฺตุ จฯ
ทตฺตสฺเตภฺโย มยา กายศฺจินฺตยา กิํ มมานยา
๚๑๓๚
การยนฺตุ จ กรฺมาณิ ยานิ เตษํา สุขาวหมฺฯ
อนรฺถะ กสฺยจินฺมา ภูนฺมามาลมฺพฺย กทาจน
๚๑๔๚
เยษํา กฺรุทฺธาปฺรสนฺนา วา มามาลมฺพฺย มติรฺภเวตฺฯ
เตษํา ส เอว เหตุะ สฺยานฺนิตฺยํ สรฺวารฺถสิทฺธเย
๚๑๕๚
อภฺยาขฺยาสฺยนฺติ มํา เย จ เย จานฺเย’ปฺยปการิณะฯ
อุตฺปฺราสกาสฺตถานฺเย’ปิ สรฺเว สฺยุรฺโพธิภาคินะ
๚๑๖๚
อนาถานามหํ นาถะ สารฺถวาหศฺจ ยายินามฺฯ
ปาเรปฺสูนํา จ เนาภูตะ เสตุะ สํกฺรม เอว จ
๚๑๗๚
ทีปารฺถินามหํ ทีปะ ศยฺยา ศยฺยารฺถินามหมฺฯ
ทาสารฺถินามหํ ทาโส ภเวยํ สรฺวเทหินามฺ
๚๑๘๚
จินฺตามณิรฺภทฺรฆฏะ สิทฺธวิทฺยา มเหาษธิะฯ
ภเวยํ กลฺปวฤกฺษศฺจ กามเธนุศฺจ เทหินามฺ
๚๑๙๚
ปฤถิวฺยาทีนิ ภูตานิ นิะเศษากาศวาสินามฺฯ
สตฺตฺวานามปฺรเมยาณํา ยถาโภคานฺยเนกธา
๚๒๐๚
เอวมากาศนิษฺฐสฺย สตฺตฺวธาโตรเนกธาฯ
ภเวยมุปชีวฺโย’หํ ยาวตฺสรฺเว น นิรฺวฤตาะ
๚๒๑๚
ยถา คฤหีตํ สุคไตรฺโพธิจิตฺตํ ปุราตไนะฯ
เต โพธิสตฺตฺวศิกฺษายามานุปูรฺวฺยา ยถา สฺถิตาะ
๚๒๒๚
ตทฺวทุตฺปาทยามฺเยษ โพธิจิตฺตํ ชคทฺธิเตฯ
ตทฺวเทว จ ตาะ ศิกฺษาะ ศิกฺษิษฺยามิ ยถากฺรมมฺ
๚๒๓๚
เอวํ คฤหีตฺวา มติมานฺ โพธิจิตฺตํ ปฺรสาทตะฯ
ปุนะ ปฤษฺฏสฺย ปุษฺฏฺยรฺถํ จิตฺตเมวํ ปฺรหรฺษเยตฺ
๚๒๔๚
อทฺย เม สผลํ ชนฺม สุลพฺโธ มานุโษ ภวะฯ
อทฺย พุทฺธกุเล ชาโต พุทฺธปุโตฺร’สฺมิ สําปฺรตมฺ
๚๒๕๚
ตถาธุนา มยา การฺยํ สฺวกุโลจิตการิณามฺฯ
นิรฺมลสฺย กุลสฺยาสฺย กลงฺโก น ภเวทฺยถา
๚๒๖๚
อนฺธะ สํการกูเฏภฺโย ยถา รตฺนมวาปฺนุยาตฺฯ
ตถา กถํจิทปฺเยตทฺ โพธิจิตฺตํ มโมทิตมฺ
๚๒๗๚
ชคนฺมฤตฺยุวินาศาย ชาตเมตทฺรสายนมฺฯ
ชคทฺทาริทฺรฺยศมนํ นิธานมิทมกฺษยมฺ
๚๒๘๚
ชคทฺวฺยาธิปฺรศมนํ ไภษชฺยมิทมุตฺตมมฺฯ
ภวาธฺวภฺรมณศฺรานฺตชคทฺวิศฺรามปาทปะ
๚๒๙๚
ทุรฺคตฺยุตฺตรเณ เสตุะ สามานฺยะ สรฺวยายินามฺฯ
ชคตฺกฺเลโศปศมน อุทิตศฺจิตฺตจนฺทฺรมาะ
๚๓๐๚
ชคทชฺญานติมิรโปฺรตฺสารณมหารวิะฯ
สทฺธรฺมกฺษีรมถนานฺนวนีตํ สมุตฺถิตมฺ
๚๓๑๚
สุขโภคพุภุกฺษิตสฺย วา ชนสารฺถสฺย ภวาธฺวจาริณะฯ
สุขสตฺรมิทํ หฺยุปสฺถิตํ สกลาภฺยาคตสตฺตฺวตรฺปณมฺ
๚๓๒๚
ชคททฺย นิมนฺตฺริตํ มยา สุคตตฺเวน สุเขน จานฺตราฯ
ปุรตะ ขลุ สรฺวตายินามภินนฺทนฺตุ สุราสุราทยะ
๚๓๓๚

อิติ โพธิจิตฺตปริคฺรโห นาม
ตฤตียะ ปริจฺเฉทะ๚ะ๛

ปริวรรตเป็นไทยปรับรูป(สำหรับบุคคลทั่วไป)

ศานติเทวะวิระจิตะห์ โพธิจรรยาวะตาระห์ฯ

โพธิจิตตะปะริคระโห นามะ ตฤตียะห์ ปะริจเฉทะห์ฯ

 

อะปายะทุห์ขะวิศรามัม สรรวะสัตตไวห์ กฤตัม ศุภัมฯ
อะนุโมเท ประโมเทนะ สุขัม ติษฐันตุ ทุห์ขิตาห์
๚๑๚
สัมสาระทุห์ขะนิรโมกษะมะนุโมเท ศะรีริณามฯ
โพธิสัตตวัตวะพุทธัตวะมะนุโมเท จะ ตายินาม
๚๒๚
จิตโตตปาทะสะมุทรามศจะ สรรวะสัตตวะสุขาวะหานฯ
สรรวะสัตตวะหิตาธานานะนุโมเท จะ ศาสินาม
๚๓๚
สรรวาสุ ทิกษุ สัมพุทธาน ปรารถะยามิ กฤตาญชะลิห์ฯ
ธรรมะประทีปัม กุรวันตุ โมหาททุห์ขะประปาตินาม
๚๔๚
นิรวาตุกามามศจะ ชินาน ยาจะยามิ กฤตาญชะลิห์ฯ
กัลปานะนันตามสติษฐันตุ มา ภูทันธะมิทัม ชะคัต
๚๕๚
เอวัม สรรวะมิทัม กฤตวา ยันมะยาสาทิตัม ศุภัมฯ
เตนะ สยาม สรรวะสัตตวานาม สรรวะทุห์ขะประศานติกฤต
๚๖๚
คลานานามัสมิ ไภษัชยัม ภะเวยัม ไวทยะ เอวะ จะฯ
ตะทุปัสถายะกัศไจวะ ยาวะโทรคาปุนรรภะวะห์
๚๗๚
กษุตปิปาสาวยะถาม หันยามันนะปานะประวรรษะไณห์ฯ
ทุรภิกษานตะระกัลเปษุ ภะเวยัม ปานะโภชะนัม
๚๘๚
ทะริทราณาม จะ สัตตวานาม นิธิห์ สยามะหะมักษะยะห์ฯ
นาโนปะกะระณากาไรรุปะติษเฐยะมะคระตะห์
๚๙๚
อาตมะภาวามสตะถา โภคาน สรรวัตรยัธวะคะตัม ศุภัมฯ
นิระเปกษัสตยะชามเยษะ สรรวะสัตตวารถะสิทธะเย
๚๑๐๚
สรรวัตยาคัศจะ นิรวาณัม นิรวาณารถิ จะ เม มะนะห์ฯ
ตยักตะวยัม เจนมะยา สรรวัม วะรัม สัตตเวษุ ทียะตาม
๚๑๑๚
ยัศจาสุขีกฤตัศจาตมา มะยายัม สรรวะเทหินามฯ
ฆนันตุ นินทันตุ วา นิตยะมากิรันตุ จะ ปามสุภิห์
๚๑๒๚
กรีฑันตุ มะมะ กาเยนะ หะสันตุ วิละสันตุ จะฯ
ทัตตัสเตภโย มะยา กายัศจินตะยา กิม มะมานะยา
๚๑๓๚
การะยันตุ จะ กรรมาณิ ยานิ เตษาม สุขาวะหัมฯ
อะนรรถะห์ กัสยะจินมา ภูนมามาลัมพยะ กะทาจะนะ
๚๑๔๚
เยษาม กรุทธาประสันนา วา มามาลัมพยะ มะติรภะเวตฯ
เตษาม สะ เอวะ เหตุห์ สยานนิตยัม สรรวารถะสิทธะเย
๚๑๕๚
อัภยาขยาสยันติ มาม เย จะ เย จานเยปยะปะการิณะห์ฯ
อุตปราสะกาสตะถานเยปิ สรรเว สยุรโพธิภาคินะห์
๚๑๖๚
อะนาถานามะหัม นาถะห์ สารถะวาหัศจะ ยายินามฯ
ปาเรปสูนาม จะ เนาภูตะห์ เสตุห์ สังกระมะ เอวะ จะ
๚๑๗๚
ทีปารถินามะหัม ทีปะห์ ศัยยา ศัยยารถินามะหัมฯ
ทาสารถินามะหัม ทาโส ภะเวยัม สรรวะเทหินาม
๚๑๘๚
จินตามะณิรภะทระฆะฏะห์ สิทธะวิทยา มะเหาษะธิห์ฯ
ภะเวยัม กัลปะวฤกษัศจะ กามะเธนุศจะ เทหินาม
๚๑๙๚
ปฤถิวยาทีนิ ภูตานิ นิห์เศษากาศะวาสินามฯ
สัตตวานามะประเมยาณาม ยะถาโภคานยะเนกะธา
๚๒๐๚
เอวะมากาศะนิษฐัสยะ สัตตวะธาโตระเนกะธาฯ
ภะเวยะมุปะชีวโยหัม ยาวัตสรรเว นะ นิรวฤตาห์
๚๒๑๚
ยะถา คฤหีตัม สุคะไตรโพธิจิตตัม ปุราตะไนห์ฯ
เต โพธิสัตตวะศิกษายามานุปูรวยา ยะถา สถิตาห์
๚๒๒๚
ตัทวะทุตปาทะยามเยษะ โพธิจิตตัม ชะคัทธิเตฯ
ตัทวะเทวะ จะ ตาห์ ศิกษาห์ ศิกษิษยามิ ยะถากระมัม
๚๒๓๚
เอวัม คฤหีตวา มะติมาน โพธิจิตตัม ประสาทะตะห์ฯ
ปุนะห์ ปฤษฏัสยะ ปุษฏยรรถัม จิตตะเมวัม ประหรรษะเยต
๚๒๔๚
อัทยะ เม สะผะลัม ชันมะ สุลัพโธ มานุโษ ภะวะห์ฯ
อัทยะ พุทธะกุเล ชาโต พุทธะปุโตรสมิ สามประตัม
๚๒๕๚
ตะถาธุนา มะยา การยัม สวะกุโลจิตะการิณามฯ
นิรมะลัสยะ กุลัสยาสยะ กะลังโก นะ ภะเวทยะถา
๚๒๖๚
อันธะห์ สังการะกูเฏภโย ยะถา รัตนะมะวาปนุยาตฯ
ตะถา กะถัญจิทัปเยตัท โพธิจิตตัม มะโมทิตัม
๚๒๗๚
ชะคันมฤตยุวินาศายะ ชาตะเมตะทระสายะนัมฯ
ชะคัททาริทรยะศะมะนัม นิธานะมิทะมักษะยัม
๚๒๘๚
ชะคัทวยาธิประศะมะนัม ไภษัชยะมิทะมุตตะมัมฯ
ภะวาธวะภระมะณัศรานตะชะคัทวิศรามะปาทะปะห์
๚๒๙๚
ทุรคัตยุตตะระเณ เสตุห์ สามานยะห์ สรรวะยายินามฯ
ชะคัตกเลโศปะศะมะนะ อุทิตัศจิตตะจันทระมาห์
๚๓๐๚
ชะคะทัชญานะติมิระโปรตสาระณะมะหาระวิห์ฯ
สัทธรรมักษีระมะถะนานนะวะนีตัม สะมุตถิตัม
๚๓๑๚
สุขะโภคะพุภุกษิตัสยะ วา ชะนะสารถัสยะ ภะวาธวะจาริณะห์ฯ
สุขะสะตระมิทัม หยุปัสถิตัม สะกะลาภยาคะตะสัตตวะตรรปะณัม
๚๓๒๚
ชะคะทัทยะ นิมันตริตัม มะยา สุคะตัตเวนะ สุเขนะ จานตะราฯ
ปุระตะห์ ขะลุ สรรวะตายินามะภินันทันตุ สุราสุราทะยะห์
๚๓๓๚

อิติ โพธิจิตตะปะริคระโห นามะ
ตฤตียะห์ ปะริจเฉทะห์๚ะ๛

[แปล]

โพธิจรรยาวตารของศานติเทวะ

ปริเฉทที่ ๓ การเขาถึงซึ่งโพธิจิต

๑. สรรพสัตว์ทั้งหลายได้ทำการหยุดยั้งความทุกข์ในอบายภูมิไว้ด้วยดีแล้ว ข้าพเจ้าขออนุโมทนาด้วยความบันเทิงยินดีปรีดายิ่งขอความทุกข์ทั้งหลายจงสำเร็จผลเป็นความสุขเถิด
๒. ข้าพเจ้าย่อมอนุโมทนาต่อความหลุดพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งขออนุโมทนาการตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ของสัตว์ผู้ได้รับการช่วยเหลือเหล่านั้น
๓. ข้าพเจ้าขออนุโมทนาต่อมหาสมุทร คือ จิตโตตปาท ต่อคุณอันเป็นเหตุนำสุขมาให้แก่ สรรพสัตว์ต่อการบำเพ็ญประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์และต่อพระผู้สอนทั้งหลาย
๔. ข้าพเจ้าขอน้อมอัญชลีอ้อนวอนขอร้องต่อพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในทิศทั้งมวล ขอพระองค์ทั้งหลายโปรดสร้างธรรมประทีปให้เกิดขึ้นแก่สรรพสัตว์ผู้ตกอยู่บนกองทุกข์ทั้งปวงเพราะความสับสนหลงตนอยู่
๕. ข้าพเจ้าขอประนมอัญชลีอ้อนวอนพระชินเจ้าผู้ใคร่จะบรรลุพระนิพพานทั้งหลาย ขอพระองค์ทั้งหลายจงดำรงคงมั่นอยู่ตลอดกาลกัลป์ชั่วนิรันดร์เถิด ขอโลกนี้อย่าเป็นโลกแห่งความมืดบอดเสีย
๖. เมื่อได้กระทำการทุกสิ่งสรรพเช่นนี้แล้ว ข้าพเจ้าได้บรรลุถึงคุณงามความดีใด ขอความทุกข์ทั้งมวลของสัตว์ทั้งปวงพึงถูกคุณงามความดีนั้นทำลายให้สิ้นซากด้วยเถิด
๗. ข้าพเจ้าพึงเป็นยารักษาโรค ทั้งขอเป็นเภสัชกรและแพทย์ เป็นผู้คอยปรนนิบัติรับใช้คนเจ็บไข้ได้ป่วยเหล่านั้นจนกระทั่งโรคไม่สามารถกำเริบเกิดขึ้นได้อีก
๘. ขอให้ข้าพเจ้าได้กำจัดความทุกข์ทรมานที่เกิดจากความหิวกระหายอยาก ด้วยเม็ดฝนที่รั่วรดตกเป็นข้าวและน้ำทั้งหลายขอให้ข้าพเจ้าพึงเป็นน้ำดื่มและโภชนาหาร ในเวลาระหว่างกัลป์อันเกิดทุพภิกขภัยขึ้น
๙. ขอให้ข้าพเจ้าพึงเป็นขุมทรัพย์ที่ไม่หมดสิ้นแก่เหล่าสัตว์ผู้ยากจนขัดสนทั้งหลาย และขอให้ข้าพเจ้าพึงดำรงคงอยู่ในที่ใกล้เคียง (พวกเขา) โดยประการที่สามารถจะทำการส่งเสริมช่วยเหลือต่างๆได้
๑๐. ข้าพเจ้านั้นขอสละชีวิตอุทิศกายตนโภคสมบัติและคุณงามความดีที่ได้บำเพ็ญมาตลอดทั้ง ๓ กาล เพื่อให้สำเร็จประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายโดยไม่ห่วงหาอาลัยอยาก
๑๑. การสลัดทิ้งสิ่งทั้งปวงนี้คือ พระนิพพาน ทั้งจิตของข้าพเจ้าเองก็แสวงหาต้องการพระนิพพานเช่นกัน ถ้าหากข้าพเจ้าพึงสละทิ้งสิ่งทั้งมวลไซร้ สรรพสิ่งทั้งหมดนั้นย่อมเป็นสิ่งประเสริฐที่ควรให้แก่สัตว์ทั้งหลาย
๑๒. เมื่อข้าพเจ้าได้มอบร่างกายนี้เพื่อความสุขแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายแล้ว พวกเขาจะทุบตีหรือนินทาว่าร้าย ทั้งจะโปรยเกลี่ยเป็นเศษดินสิ่งไร้ค่าตลอดนิตย์นิรันดร์กาล (ก็ตามเถิด)
๑๓. ขอให้พวกเขาจงหยอกเล่นกับกายของข้าพเจ้า ทั้งขอให้ได้หัวเราะเยอะเย้ยและตลกขบขันข้าพเจ้าได้มอบกายถวายตนแก่พวกเขาแล้ว จะมีประโยชน์อะไรแก่ข้าพเจ้าที่จะต้องคิดถึงความทุกข์ทรมาน (อันเกิดจากการกระทำเช่นนั้น) อีกเล่า
๑๔. และขอให้พวกเขาจงกระทำกรรมทั้งหลายอันเป็นสิ่งนำความสุขมาให้แก่พวกเขา ขอความทุกข์ทรมานอย่าพึงมีแก่ใครๆเพราะได้อาศัยข้าพเจ้าในกาลบางคราวด้วยเถิด
๑๕. เมื่อได้พึ่งพาอาศัยข้าพเจ้าแล้ว ขออารมณ์ความรู้สึกนึกคิด คือความโกรธและความเลื่อมใส ศรัทธาพึงเกิดมีแก่พวกเขา และขอความรู้สึกนึกคิดนั้นพึงเป็นเหตุปัจจัยให้สำเร็จประโยชน์ แก่พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดตลอดกาลเป็นนิตย์เถิด
๑๖. ชนเหล่าใดย่อมประทุษร้ายข้าพเจ้า ทั้งพูดจาใส่ร้ายป้ายสีและประพฤติหัวเราะเยอะเย้ย ข้าพเจ้าขอให้เขาเหล่านั้นทั้งหมดพึงเป็นผู้มีส่วนแห่งการตรัสรู้ภูมิธรรมด้วยเถิด
๑๗. ขอให้ข้าพเจ้าพึงเป็นที่พึ่งแก่คนอนาถาขาดแหล่งพึ่งพิงทั้งหลาย และเป็นสารถีผู้ชี้ทางแก่นักเดินทางทั้งหลายทั้งขอให้เป็นเรือเป็นสะพานและเป็นทางผ่านแก่คนผู้ปรารถนาจะข้ามฝั่ง(คือพระนิพพาน) ตลอดไป
๑๘. สำหรับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้ข้าพเจ้าพึงเป็นประทีปแก่ผู้ปรารถนาแสงสว่างสาดส่องเป็นเตียงตั่งแก่ผู้ปรารถนาจะนั่งนอนและเป็นทาสาบ่าวรับใช้แก่ผู้ปรารถนาทาสรับใช้
๑๙. ขอให้ข้าพเจ้าพึงเป็นแก้วจินดามณีสีสวยสด เป็นหม้อประเสริฐเลิศวิเศษ เป็นเวทมนตร์ทรงพลังอันศักดิ์สิทธ์ และเป็นยาสากลคงความยิ่งใหญ่ ขอให้เป็นต้นกัลปพฤกษ์และแม่โคนมคงความอุดมสมบูรณ์แก่สัตว์ทั้งหลาย
๒๐. เช่นเดียวกับธาตุทั้งหลายมีปฐวีธาตุเป็นต้นได้บังเกิดเป็นเครื่องบริโภคใช้สอยชนิดต่าง ๆของเหล่าสัตว์อันหาประมาณมิได้ที่อาศัยอยู่ในสากลจักรวาลทั้งสิ้น
๒๑. ดังนั้น ขอให้ข้าพเจ้าพึงเป็นอุปกรณ์เครื่องค้ำจุนสนับสนุนหมู่สัตว์ผู้ดำรงชีพอาศัยอยู่ในอากาศธาตุทั้งมวลตราบจนสรรพสัตว์ทั้งหลายจะไม่พึงไว้เนื้อเชื่อใจ (ข้าพเจ้า)
๒๒. เหมือนดั่งที่พระสุคตเจ้าในกาลเก่าก่อนทั้งหลาย ได้ทรงยึดมั่นถือเอาซึ่งโพธิจิตไว้แล้ว ในขณะเดียวกัน ขอให้สัตว์เหล่านั้นพึงยึดมั่นปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระโพธิสัตว์โดยสม่ำเสมอเถิด
๒๓. เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าย่อมต้องเสริมสร้างโพธิจิตให้เกิดขึ้นเพื่อความสงบสุขของสัตว์โลกและด้วยเหตุนั้น ข้าพเจ้าควรจะศึกษาปฏิบัติซึ่งหลักคำสอนเหล่านั้น ตามคำพร่ำสอนอย่างสมบูรณ์
๒๔. เมื่อยึดมั่นโพธิจิตอยู่อย่างนี้แล้ว ผู้มีปัญญาพึงศรัทธาเลื่อมใสเพื่อประโยชน์แห่งความสุขความเจริญเขาพึงยินดีมีความคิดอย่างนี้อีกว่า
๒๕. วันนี้ การถือกำเนิดเกิดเป็นคนขึ้นของข้าพเจ้า ย่อมมีผลสมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์ของข้าพเจ้าก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมประเสริฐล้ำ ข้าพเจ้าได้ถือกำเนิดในสกุลวงศ์ของพระพุทธเจ้าแล้วข้าพเจ้าชื่อว่าเป็นพุทธบุตรอย่างแท้จริง
๒๖. นับแต่นี้ไป ข้าพเจ้าพึงประพฤติตัวตามกฎธรรมเนียมปฏิบัติสำหรับวงศ์ตระกูลของตน ให้เป็นดุจเดียวกับที่ความเศร้าหมองด่างพร้อยไม่พึงเกิดมีแก่สกุลวงศ์อันปราศจากมลทินฉะนั้น
๒๗. โพธิจิตนี้ได้เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับคนตาบอดพึงได้รับแก้วมณีจากกองหยากเยื่อฉะนั้น
๒๘. ยา (คือโพธิจิต) นี้ได้เกิดขึ้นแล้วเพื่อทำลายมฤตยูแห่งสัตว์โลกให้พินาศไป เป็นขุมทรัพย์อันไม่เสื่อมสลายที่สามารถบรรเทาเบาบางความยากจนขัดสนของสัตว์โลกให้หมดไป
๒๙. โพธิจิตนี้เป็นเภสัชอันประเสริฐเลิศล้ำ ที่สามารถขจัดความเจ็บปวดรวดร้าวของสัตว์โลกให้ลดน้อยลง เป็นพฤกษาสำหรับพักผ่อนหย่อนจิตของสัตว์โลกที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า จากการเดินทางตามมรรถวิถีชีวิตตน
๓๐. เพราะได้ผ่านข้ามพ้นความทนทุกข์ยากแสนลำบาก โพธิจิตนี้จึงเป็นสะพานสากลแห่งคนเดินทางทั้งปวง เป็นพระจันทร์อันส่องสว่างขึ้นกลางดวงจิต ซึ่งสามารถบรรเทาลดละสรรพกิเลสอันเร่าร้อนของสัตว์โลก
๓๑. เป็นพระอาทิตย์ดวงยิ่งใหญ่ที่กำจัดความมืดมิดคิดชั่วมั่วอวิชชาแห่งสัตว์โลกทั้งหลาย เป็นเนยเหลวอันใหม่สดที่กระเพื่อมขึ้นจากการปั่นบดน้ำนมคือพระสัทธรรม
๓๒. สมาคมแห่งความสุขนี้ ที่ได้สร้างความพอใจใคร่อยากแก่เหล่าสัตว์ผู้มาถึงทั้งปวง ได้จัดตั้งตระเตรียมไว้แล้วแก่ผู้ปรารถนาต้องการสุขและโภคสมบัติ หรือแก่ปวงชนคนสัญจรที่ท่องเที่ยวไปตามมรรควิถีชีวิตตน
๓๓. วันนี้ ข้าพเจ้าขอร้องเชื้อเชิญสัตว์โลกทั้งหลาย ให้บรรลุถึงซึ่งความเป็นพระสุคตเจ้าและซึ่งความสุขสำราญ อนึ่ง ขอให้เทวดาและอสูรทั้งหลายจงได้เพลิดเพลินยินดีปรีดา ณ เบื้องพระพักตร์ของพระผู้ทรงคุ้ม

Audio Source: 
http://www.bodhisvara.com/

Text Source: 

http://www.dsbcproject.org/node/4808

Text Version: 

Devanāgarī

Input Personnel: 

DSBC Staff

Input Date: 

2005

Proof Reader: 

Miroj Shakya

Supplier: 

Nagarjuna Institute of Exact Methods

Sponsor: 

University of the West

อ้างอิง

1. Digital Sanskrit Buddhist Canon, 2013, Bodhicaryāvatāra [Online], Available: http://www.dsbcproject.org[2016, May 26].

2. BODHISVARA, 2013, Śāntideva’s Bodhicaryāvatāra [Online], Available: http://www.bodhisvara.com/[2016, May 26].

3.พระมหาวิชาญ กำเหนิดกลับ, 2549, การศึกษาเชิงวิเคราะห์คัมภีร์โพธิจรรยาวตาร , วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาภาษาสันสกฤต ภาควิชาภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยศิลปากร หน้า ภาคผนวก ข คัมภีร์โพธิจรรยาวตาร ฉบับแปล
อ่านเอกสารตัวเต็มจากสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากร
http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/thapra/PhramahaVichan_Kamnerdklab/Fulltext.pdf

เพื่อการศึกษาภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License
แสดงที่มาข้อมูลที่มาของแหล่งเอกสาร-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 4.0  (CC BY-NC-ND 4.0)

Loading

Be the first to comment on "คัมภีร์โพธิจรรยาวตารของศานติเทวะ ปริเฉทที่ ๓"

Leave a comment