อนันตริยกรรม ๕ ประการ และ กรรมอันเสมือนกับอนันตริยกรรม ๕ ประการ ฝ่ายสันสกฤต
อนันตริยกรรม หรือ กรรมหนักที่สุดฝ่ายบาปอกุศล ๕ ประการ ปรากฏในอยู่ในพุทธศาสนา ในธรรมข้อนี้ ทั้งฝ่ายสาวกยาน และมหายาน กล่าวไว้ตรงกัน
ส่วน กรรมอันเสมือนกับอนันตริยกรรม ในธรรมข้อนี้ มีการกล่าวถึงในฝ่ายสาวกยานบางนิกาย อย่าง นิกายสรรวาสติวาท และ ฝ่ายมหายานได้นำไปขยายความต่อ ไม่ปรากฏในฝ่ายเถรวาท โดยมีรายละเอียดที่จะนำเสนอดังต่อไปนี้
————————————————–
อนันตริยกรรม ใน ภาษาบาลี เรียกว่า :
ปญฺจานนฺตริกา หรือ ปญฺจ กมฺมานิ อานนฺตริกานิ
[pañcānantarikā : pañca kammāni ānantarikāni]
————————————————–
ภาษาสันสกฤต เรียกว่า
पञ्चानन्तरीयाणि หรือ पञ्चानन्तर्याणि
ปญฺจานนฺตรียาณิ : ปญฺจานนฺตรฺยาณิ
[pañcānantarīyāṇi : pañcānantaryāṇi]
หรือ
पञ्चानन्तर्याणि कर्माणि
ปญฺจานนฺตรฺยาณิ กรฺมาณิ : (ปญฺจ อานนฺตรฺยาณิ กรฺมาณิ)
[pañcānantaryāṇi karmāṇi : (pañca ānantaryāṇi karmāṇi)]
————————————————–
อนันตริยกรรม มาจากคำว่า ป. “อานนฺตริก” ส. “อานนฺตรฺย” แปลว่า ไม่มีช่องว่าง, ไม่มีอะไรหยุดระหว่างกลาง, ต่อเนื่องกันทันที กับคำว่า ส. “กรฺม” ซึ่งหมายถึง การกระทำที่ทำด้วยความจงใจ
อนันตริยกรรม ตามความหมายรูปศัพท์ว่า การกระทำที่ไม่มีช่องว่าง กรรมที่ต่อเนื่องกันทันที หมายถึง กรรมที่ไม่เปิดโอกาสให้กรรมอื่นแสดงผลก่อน ไม่มีช่องว่างระหว่างกรรมที่กระทำลงไปกับวิบากหรือผลที่จะตามมา
แต่ อนันตริยกรรม ตามบัญญัติในพุทธศาสนา มิได้หมายถึงกรรมโดยทั่วๆ ไป แต่หมายเอาเฉพาะ กรรมอันเป็นครุกรรม คือเป็น กรรมชั่วที่เป็นบาปอกุศลที่หนักและร้ายแรงที่สุดในศาสนา
ตามความเชื่อในพุทธศาสนา ผู้ที่ทำอนันตริยกรรมแล้ว วิบากที่เกิดขึ้นยังขัดขวางไม่ให้ผู้ก่อกรรม ถึงมรรคผล นิพพาน ทางแห่งความหลุดพ้น ในภพปัจจุบันชาติอีกด้วย
และเมื่อตายไปแล้ววิบากยังปิดกั้นทางไปสุคติภูมิ จะปฏิสนธิจิตไปเกิดในอบายภูมิอย่างเดียว
———————
ส่วนในมหายาน ขยายความว่า วิบากของผู้ที่ทำอนันตริยกรรมยังปิดกั้นทางไป พุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าในโลกธาตุอื่นๆ อีกด้วย อย่างเช่น สุขาวตีโลกธาตุ พุทธเกษตรของพระอมิตภพุทธเจ้า
ที่กล่าวใน มหาสุขาวตีวยูหสูตร วิสตรมาตฤกา ปณิธานข้อ ๑๘ กล่าวถึง การตั้งปณิธานของพระอมิตภพุทธเจ้า เมื่อคราวเป็นภิกษุโพธิสัตว์ว่า ผู้ที่ภาวนาพุทธานุสติถึงพระองค์(พระอมิตภพุทธเจ้า) ๑๐ วาระก่อนสิ้นใจจะได้อุบัติยังโลกธาตุของพระองค์ ยกเว้น
———————
स्थापयित्वा आनन्तर्यकारिणः सद्धर्मप्रतिक्षेपावरणकृतांश्च सत्त्वान्
สฺถาปยิตฺวา อานนฺตรฺยการิณะ สทฺธรฺมปฺรติกฺเษปาวรณกฤตําศฺจ สตฺตฺวานฺ
(sthāpayitvā ānantaryakāriṇaḥ saddharmapratikṣepāvaraṇakṛtāṃśca sattvān)
“เว้นไว้เสียแต่สัตว์ผู้ทำอนันตริยกรรม และผู้ดูหมิ่นดูแคลนเป็นปรปักษ์ต่อพระสัทธรรม”
———————
แต่ในหมู่ชาวมหายาน เองมีความเห็นต่างกันในเรื่องนี้ว่า ผู้ที่ประกอบอนันตริยกรรมว่าสามารถไปเกิดยังสุขาวดีได้หรือไม่ บางพวกเห็นว่าได้ บางพวกว่าไม่ได้ และยังมีหลักข้อเชื่อใน พุทธศาสนาแบบมนตรยาน ซึ่งเป็นพุทธศาสนาแขนงหนึ่งของมหายาน เชื่อว่า มนตรธารณี ที่ศักสิทธิ์บางธารณี สามารถดับอกุศลอนันตริยกรรมได้
———————
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อเชื่อส่วนใหญ่ในพุทธศาสนาทั้งฝ่ายสาวกยานและมหายาน ก็เชื่อว่า วิบากของผู้ที่ประกอบอนันตริยกรรม จะปิดกั้นทางไปสุคติภูมิ หรือในสำนวนที่ว่า ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน วิบากของผู้ที่ประกอบกรรมจะปฏิสนธิจิตไปเกิดในอบายภูมิ คือ ในมหานรกที่ชื่อว่า “อเวจีมหานรก” หรือ “อวีจิ” (अवीचि : Avīci) ตามรูปศัพท์ ในภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่า “ปราศจากคลื่น” หรือโดยนัย แปลว่า หรือ ไม่มีสิ่งอื่น ไม่มีระหว่าง นอกจากความทุกข์ คือไม่เว้นว่างจากทุกข์ ไม่มีการหยุดพัก (ลงโทษไม่มีการพัก) เป็นนรกขุมชั้นต่ำที่สุด มีไว้สำหรับที่ผู้กระทำอนันตริยกรรม จวบจนหมดวิบากหรือเบาบาง พ้นนรกนี้แล้ว จึงจะเปิดทาง ให้สามารถเข้าถึงมรรคผลได้อีกครั้ง
————————————————–
ซึ่ง อนันตริยกรรม ๕ ประการ ได้แก่
๑. ฆ่ามารดา
ป. มาตุฆาต (mātughāta)
ส. มาตฤวธ (मातृवध : mātṛvadha) หรือ มาตฤฆาต (मातृघात : mātṛghāta)
๑.โจรองคุลิมาลผู้เกือบกระท
ในพระสูตรและขยายความในอรรถ
โตขึ้นบิดามารดาจึงส่งไปเรี
อหิงสกะ เป็นที่โปรดปรานของอาจารย์ท
ฝ่ายอาจารย์ฟังนานเข้าจึงเช
แต่ไม่เป็นอย่างแผนที่วางไว
ข่าวคราวเรื่องนี้ ถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล จึงสั่งให้ตระเตรียมกำลังพล
ผู้เป็นบิดาทราบว่า อันตรายจะมีแก่บุตร จึงปรึกษากับนางพราหมณี ให้นางพราหมณีรีบออกไปก่อนเ
ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็น อุปนิสัยแห่งพระอรหัตตผลของ
จึงรีบเสด็จไปแต่ผู้เดียวระ
จนองคุลิมาลร้องไป จงหยุดก่อนสมณะ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด
ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุด เป็นอย่างไร?
พระพุทธองค์มีพระดำรัสตอบว่
โจรองคุลิมาล รู้สึกสำนึกผิดได้ทันทีแล้ว
—
โจรองคุลิมาลเกือบจะกระทำมา
Artist : Junaidi Lim
Jakarta, Indonesia
๒.ฆ่าบิดา
ป. ปิตุฆาต (pitughāta)
ส. ปิตฤวธ (पितृवध : pitṛvadha) หรือ ปิตฤฆาต (पितृघात : pitṛghāta)
๒.พระเจ้าอชาตศัตรูผู้ทำปิต
พระเจ้าอชาตศัตรูทำการยึดอำ
แม้ภายหลังพระเจ้าอชาตศัตรู
ในช่วงบั้นปลายชีวิต วิบากกรรมได้ตามทันพระเจ้าอ
ภาพวาดจาก เจดีย์วิปัสสนาสากล (Global Vipassana Pagoda) อินเดีย
๓.ฆ่าพระอรหันต์
ป.อรหนฺตฆาต (arahantaghāta)
ส. อรฺหทฺวธ (अर्हद्वध ; arhadvadha) หรือ อรฺหทฺฆาต (अर्हद्घात : arhadghāta)
๓.พวกเดียรถีย์ ๕๐๐ กับโจร ๕๐๐ ฆ่าพระอรหันต์ผู้ทรงคุณและม
พระมหาโมคคัลลานเถระ เป็นพระภิกษุอัครสาวกเบื้อง
ก่อนท่านจะนิพพาน อรรถกถากล่าวถึง พวกเดียรถีย์ ได้ติดต่อจ้างโจรให้ฆ่าพระเ
พวกโจร ได้รับเงินสินบนแล้วพากันไป
ส่วนวิบาก พวกเดียรถีย์ ๕๐๐ กับโจร ๕๐๐ ในชาตินั้นพระเจ้าอชาติศัตร
อรรถกถากล่าวถึง บุพกรรมของพระเถระ อีกว่า ที่ท่านถูกทำร้าจนนิพพาน เพราะเศษแห่งวิบาก จากกรรมที่ท่านทำอนันตริยกร
พระอรหันต์ท่านท่านถึงวิมุต
ภาพปฏิมากรรม พระมหาโมคคัลลานเถรเจ้า
https://pixabay.com/
๔. ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงห้อพระโลหิต
ป. โลหิตุปฺปาท (lohituppāda) [ทำพระโลหิตให้ห้อ]
ส. ตถาคตทุษฺฏจิตฺตรุธิโรตฺปาท (तथागतदुष्टचित्तरुधिरोत्पाद : tathāgataduṣṭacittarudhirotpāda) [จิตประทุษร้ายพระตถาคตเจ้า ทำพระโลหิตให้ห้อ]
ความเชื่อในพุทธศาสนา เชื่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่อยู่ในฐานะ และโอกาสที่ผู้อื่นจะทำร้ายให้สิ้นพระชนม์ได้ ผู้มีจิตคิดประทุษร้ายให้สิ้นพระชนม์ ทำได้อย่างยิ่งเพียงให้พระองค์ห้อพระโลหิตเท่านั้น ข้อนี้พ้นสมัยที่จะทำได้แล้ว
๔.พระเทวทัตทำโลหิตุปบาทบนเ
หลังจากที่พระเทวทัตได้หลอก
จากนั้นพระเทวทัตได้ไปทูลต่
แผนการที่ ๑ ลอบสังหารโดยพลธนูมือขมังขอ
แผนการที่ ๒ กลิ้งหินลงมาจากภูเขาคิชฌกู
พระเทวทัตได้เริ่มแผนการใหม
เมื่อถึงเวลาพระเทวทัตก็ผลั
ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแหงนขึ้นไ
พระผู้มีพระภาคตรัสแก่คณะสง
ภาพวาดจาก เจดีย์วิปัสสนาสากล (Global Vipassana Pagoda) อินเดีย
๕.ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน (สังฆเภท)
ป. สงฺฆเภท (saṅghabheda) หรือ สํฆเภท (saṃghabheda)
ส. สํฆเภท (संघभेद : saṃghabheda)
ข้อนี้ทำได้เฉพาะพระภิกษุ คือ พระภิกษุที่เป็นอธรรมวาที สร้างความร้าวรานแห่งสงฆ์ ยุแยงให้สงฆ์ให้บาดหมางกัน ดูหมิ่นซึ่งกันและกัน จนขับไล่กัน หากทำสำเร็จ จนคณะสงฆ์ไม่ยอมทำอุโบสถร่วมกันอีก แยกกันทำปวารณา แยกกันทำสังฆกรรม ถึงจะเป็นสังฆเภท ข้อนี้มีรายละเอียดมาก ในที่นี้กล่าวแต่เพียงเท่านี้
๕.พระเทวทัตทำสังฆเภท พระอัครสาวกทำสังฆสามัคคี
พระเทวทัตผูกพยาบาทพระพุทธเ
วัตถุ ๕ ประการได้แก่
๑.ให้ภิกษุอยู่ป่าตลอดชีวิต
สุดท้าย พระพุทธเจ้าไม่อนุญาตที่จะบ
เข้าทางพระเทวทัตและพวก จึงได้โฆษณาชวนเชื่อวัตถุ ๕ ประการ ได้พระนวกะผู้บวชใหม่ ยังไม่รู้จักธรรมวินัยดี โดยมากชาวเมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ประมาณ ๕๐๐ รูป เรียกว่ากลุ่ม พระวัชชีบุตร มาเป็นพวก ทำสังฆเภท แยกออกจากหมู่สงฆ์ทั้งปวง แล้วพาภิกษุเหล่านั้นไปยังต
ต่อมาพระสารีบุตรเถระและพระ
ซึ่ง พระโกกาลิกะ ซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใหญ่ของพระ
พระเถระทั้งสองแนะนำพร่ำสอน
พระโกกาลิกะ มีความโกรธมาก เข้าไปปลุก กล่าวโทษแก่พระเทวทัต ที่ให้พระอัครสาวกทั้งสองพา
ในอรรถกถาท่านกล่าวว่า พระโกกาลิกะ เข้าไปปลุกพระเทวทัตลุกแล้ว
ที่มาภาพพุทธประวัติของ วัดพระบาทน้ำพุ
ส่วน กรรมอันเสมือนกับอนันตริยกรรม ๕ ประการ มีความร้ายแรงเทียบเท่าอนันตริยกรรม แต่ปรากฏใน ฝ่ายสันสกฤต เพียงอย่างเดียว มีการกล่าวถึงในพระอภิธรรม ในนิกายสรรวาสติวาท เช่นในคัมภีร์อภิธรรมโกศภาษยะ คัมภีร์อภิธรรมโกศวยาขยา
และ ฝ่ายมหายาน เช่นใน คัมภีร์โยคาจารภูมิศาสตร์และ มีการขยายความเพิ่มเติม คัมภีร์อรรถกถามหายานในเอเชียตะวันออก เช่น อรรถกถาคัมภีร์โยคาจารภูมิศาสตร์ ชื่อ 瑜伽師地論略纂 (yújiā Shī Dì Lùn Lüè Zuǎn) และ 瑜伽論記(yújiā Lùn Jì ) โดยอรรถกถาจารย์ชาวเกาหลี 遁伦 (เสียงจีน Dùn-Lún :เสียงเกาหลี Tor-Yun หรือ Tull-Yun ) เป็นต้น
———————
กรรมอันเสมือนกับอนันตริยกรรม เรียกในภาษาสันสกฤต ดังนี้
ในคัมภีร์มหาวยุตปัตติ ของทิเบต ใช้คำว่า
पञ्चोपानन्तरीयाणि
ปญฺโจปานนฺตรียาณิ (ปญฺจ อุปานนฺตรียาณิ)
[pañcopānantarīyāṇi (pañca upānantarīyāṇi)]
———————
หรือในคัมภีร์อภิธรรมโกศ คัมภีร์โยคาจารภูมิศาสตร์ ใช้คำว่า
आनन्तर्यसभागानि
อานนฺตรฺยสภาคานิ
(ānantaryasabhāgāni)
———————
หรือ ในพจนานุกรม จีน ไทย สันสกฤต ฉบับวัดโพธิ์แมนคุณาราม ใช้คำว่า
पञ्चानन्तर्य सहगतानि
ปญฺจานนฺตรฺย สหคตานิ
(pañcānantarya sahagatāni)
————————————————–
กรรมอันเสมือนกับอนันตริยกรรม ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะ ในคัมภีร์อภิธรรมโกศ ในนิกายสรรวาสติวาท เป็นหลัก และฝ่ายมหายานไว้เพียงสังเขป เพราะคัมภีร์อื่นๆ ในฝ่ายมหายานมีการตีความไว้หลากหลาย
กรรมอันเสมือนกับอนันตริยกรรม มี ๕ ประการ ได้แก่
————————————————–
๑. ล่วงเกินประทุษร้ายหญิง ที่เป็นพระอรหันต์และมารดา (เทียบได้กับ ฆ่ามารดา)
สันสกฤต : มาตุรรฺหตฺยา ทูษณํ
(मातुरर्हत्या दूषणं : māturarhatyā dūṣaṇaṃ)
ล่วงเกินประทุษร้ายหญิง ที่เป็นพระอรหันต์และมารดา หรือ การข่มขืนหรือขืนใจ ประทุษร้ายต่อพรหมจรรย์ของพระอรหันต์ (ทูษยตฺยพฺรหฺมจรฺยกรณาตฺ)
เฉพาะมหายานแบบวัฒนธรรมจีน อาจรวมไปถึงล่วงเกินประทุษร้ายพระภิกษุณีด้วย
๖.นันทมาณพข่มขืนพระอุบลวรร
พระอรหันต์สตรีผู้ทรงคุณ พระอัครสาวิกาที่พระพุทธเจ้
พระอุบลวัณณาเถรี เกิดในสกุลเศรษฐี ณ กรุงสาวัตถี บิดามารดาก็ตั้งชื่อของนางว
พระพุทธเจ้าทรงตรัสเล่าเวสส
ในสมัยพระพุทธเจ้ายังไม่ทรง
ชาวบ้านได้ทำกระท่อม ตั้งเตียงกั้นม่านไว้ในป่าน
พระเถรีมีลุงอยู่คนหนึ่ง ซึ่งมีลูกชายชื่อ นันทมาณพ มีความรักใคร่พระเถรีมากตั้
นันทมาณพข่มขืนกระทำกรรมอัน
มหาปฐพีนี้ถึงจะสามารถทานน้
พระผู้มีพระภาคทราบเรื่องแล
พระเถรีรูปนี้พระผู้มีพระภา
ภาพวาดจาก เจดีย์วิปัสสนาสากล (Global Vipassana Pagoda) อินเดีย
๒. ฆ่าพระนิตยโพธิสัตว์ (เทียบได้กับ ฆ่าบิดา)
สันสกฤต : นิยติปติตโพธิสตฺตฺวมารณํ
(नियतिपतितबोधिसत्त्वमारणं : niyatipatitabodhisattvamāraṇaṃ )
นิยตโพธิสัตว์ในที่นี้มีนัยใกล้เคียง อย่างเถรวาท คือ พระโพธิสัตว์ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตอย่างแน่นอน
ส่วนมหายานฝ่ายสันสกฤต ใช้สำนวนต่างเล็กน้อย คัมภีร์มหาวยุตปัตติ กล่าวว่า
นิยตภูมิสฺถิตสฺย โพธิสตฺตฺวสฺย มารณํ
(नियतभूमिस्थितस्य बोधिसत्त्वस्य मारणं : niyatabhūmisthitasya bodhisattvasya māraṇaṃ)
ฆ่าพระโพธิสัตว์ที่ดํารงอยู่ในนิตยภูมิ คือ พระโพธิสัตว์อยู่ในภูมิที่ไม่เสื่อมถอยจากพระโพธิญาณแล้ว ซึ่งเกี่ยวพันกับหลักการ ภูมิ ๑๐ ของพระโพธิสัตว์ในมหายาน
เฉพาะมหายานแบบวัฒนธรรมจีน อาจรวมไปถึงการ การทำร้ายฆ่าผู้อื่นหรือผู้บาดเจ็บ ผู้ลี้ภัย ในเขตสังฆาราม (คงเกี่ยวกับเรื่องการสงคราม บ้างว่าเทียบได้กับ ฆ่าพระอรหันต์ )
๗.ความหมายของพระนิตยโพธิสั
พระโพธิสัตว์ เป็นชื่อเรียกของผู้ที่กำลั
จนกว่าจะได้รับการพยากรณ์จา
แต่เป็นการบำเพ็ญบารมี อย่างที่มีความหวังได้ว่า พระองค์ต้องได้ตรัสรู้เป็นพ
พระโพธิสัตว์มี 2 ประเภท
1. อนิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่ยังมิได้รับ
2. นิยตโพธิสัตว์ คือ พระโพธิสัตว์ที่จะต้องเข้าถ
ภาพพระสุเมธดาบสผู้บำเพ็ญใน
จากนั้น พระสุเมธดาบสนอนทอดกายให้พร
ด้วยเหตุนี้พระสุเมธดาบสจึง
ที่มา
http://
๓. ฆ่าพระไศกษะ (เทียบได้กับ ฆ่าพระอรหันต์)
สันสกฤต : ไศกฺษมารณํ
(शैक्षमारणं : śaikṣamāraṇaṃ)
พระไศกษะ ภาษาบาลีเรียกว่า เสขะ แปลว่า ผู้ยังต้องศึกษา แต่คำนี้ไม่ได้หมายเอานักเรียน นักศึกษา แต่หมายถึง พระอริยบุคคลที่ยังไม่บรรลุอรหัตตผล ๓ ประเภท เรียก พระเสขะบุคคล ได้แก่
พระโสดาบัน (ส.โสฺรตาปนฺน : स्रोतापन्न : srotāpanna)
พระสกทาคามี (ส. สกฤทาคามินฺ : सकृदागामिन् : sakṛdāgāmin)
พระอนาคามี (ส. อนาคมินฺ : अनागमिन् : anāgamin)
เฉพาะมหายานแบบจีน อาจรวมไปถึงการฆ่าและทำร้ายพระภิกษุ ภิกษุณี
๘.พระนางสามาวดีเทวีผู้รับก
พระนางสามาวดีเทวี เป็นธิดาของเศรษฐีนามว่าภัท
พระนางสามาวดีเทวี บรรลุโสดาปัตติผล จากหญิงบริวาร ชื่อ นางขุชชุตตรา รับหน้าที่จัดซื้อดอกไม้
เนื่องจาก นางขุชชุตตรา ได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจ
เมื่อนำดอกไปให้พระนางสามาว
ครั้นกาลต่อมา พระเจ้าอุเทนได้พระนางวาสุล
ก่อนที่นางมาคันทิยา จะได้รับการอภิเษกเป็นมเหสี
ฝ่ายนางมาคันทิยา ได้ยินพระดำรัส รู้สึกโกรธ จึงผูกอาฆาตของเวรต่อพระศาส
ภายหลังพระเจ้าอุเทนหันมาศร
จนคราวพระเจ้าอุเทนเสด็จประ
จนพระเจ้าอุเทนกลับมา ทรงให้ประหาร นางมาคันทิยา และบรรดาญาติ คนรับใช้ ของนางอย่างทารุณ
พระพุทธเจ้าทรงยกพระนางสามา
ที่มาภาพพุทธประวัติของ วัดพระบาทน้ำพุ
๔.ลักขโมยของสงฆ์ (เทียบได้กับ ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน)
สันสกฤต : สํฆายทฺวารหาริกา : สํฆายทฺวารหรณํ
(संघायद्वारहारिका : saṃghāyadvārahārikā , संघायद्वारहरणं : saṃghāyadvāraharaṇaṃ)
สงฆ์ หรือ สังฆะ ในที่นี้หมายเอาหมู่พระภิกษุตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป ของคือของส่วนกลางอันเป็นสาธารณที่สงฆ์ที่ใช้ร่วมกัน ลักขโมยหรือทำลาย เทียบได้กับ ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
เฉพาะมหายานแบบจีน อาจรวมไปถึง ภิกษุที่บวชแสวงหาลาภสักการะ หรือกระทำชั่วสร้างความด่างพร้อยจนความเสื่อมเสียมาสู่หมู่สงฆ์และศาสนา หรือผู้ทำอกุศลในเขตสังฆารามและศาสนสถานให้มัวหมอง เช่น การทำลามกอนาจาร ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในศาสนสถาน ในเขตสงฆ์
๙.การปล้นสะดมในอารามในการป
การปฏิวัติทางวัฒนธรรมใหญ่ข
ผลของการปฏิวัติวัฒนธรรม คือ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่แสดงถึงวัฒนธรรมของจีนมา
รูปจากบทความ burn, loot and pillage! Destruction of antiques during China’s Cultural Revolution.
http://
๕.ทําลายพระสถูป (เทียบได้กับ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงห้อพระโลหิต)
สันสกฤต : สฺตูปเภทนํ
स्तूपभेदनं : stūpabhedanaṃ
ได้แก่ การทําลายสิ่งก่อสร้างไว้สำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและพระธาตุของพระอรหันต์
เฉพาะมหายานแบบวัฒนธรรมจีน อาจรวมไปถึง การเผาและทำลายคัมภีร์ในพุทธศาสนา การเผาและทำลายวัดวาอารามวิหารศาสนสถานด้วย
๑๐.การทำลายพระสถูปที่เกละณ
วัดเกละณิยะรัชมหาวิหาร (කැලණිය රජ මහා විහාරය : Kelaniya Raja Maha Vihara) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบ
วัดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นค
ต่อมากษัตริย์กีรติศรีราชสิ
ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2431 นางเฮเลนา วิเจวาร์เดนา (Mrs. Helena Wijewardena) เศรษฐีนีแห่งกรุงโคลัมโบได้
เนื้อหาจาก
http://
รูปโดย Prasanna Weerakkody
Be the first to comment on "อนันตริยกรรม ๕ ประการ และ กรรมอันเสมือนกับอนันตริยกรรม ๕ ประการ ฝ่ายสันสกฤต"